วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ยอดในการโอนที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรกได้เพิ่มขึ้น 6%

ยอดในการโอนที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรกได้เพิ่มขึ้น 6%โดยมาจากคอนโดใกล้รถไฟฟ้าเยอะมาก



คอนโดใกล้รถไฟฟ้า
บล็อกรีวิวคอนโดใกล้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก thansettakij.com


          โดยสัมมา คีตสิน หรือผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้เปิดเผยว่าจากการสำรวจข้อมูลโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลใน 5 จังหวัด (นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และนครปฐม) โดยประจำไตรมาส 3 ไตรมาส ปี 2558 ได้พบว่ามีจำนวนรวมกันประมาณ 132,000 ยูนิต และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสแรกคือปี 2557 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 124,100 ยูนิตนั้นเอง

          โดยจากปริมาณกของารโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะที่อยู่อาศัย จำนวนทั้งหมด 132,000 ยูนิต ได้แบ่งเป็นยอดโอนในเดือนมกราคมประมาณ 11,300 ยูนิต และเดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 13,000 ยูนิต และเดือนมีนาคมประมาณ 15,700 ยูนิต และเดือนเมษายนประมาณ 12,900 ยูนิต และเดือนพฤษภาคมประมาณ 14,000 ยูนิต และเดือนมิถุนายนประมาณ 15,500 ยูนิต และเดือนกรกฎาคมประมาณ 12,300 ยูนิต และเดือนสิงหาคมประมาณ 14,500 ยูนิต และสุดท้ายเดือนกันยายนประมาณ 14,900 ยูนิต นั้นเอง
          ยอดในการโอนกรรมสิทธิ์ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล นั้น ใน 3 ไตรมาสแรกปี 2558 ก็แบ่งเป็นห้องชุดคอนโดมิเนียมที่มากที่สุด จำนวน 48,100 ยูนิตหรือประมาณ 36%  ของยูนิตการโอนกรรมสิทธิ์ที่มีอยู่อาศัยทุกประเภทรวมกัน และรองลงมาเป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 46,200 ยูนิต หรือประมาณ 35% บ้านเดี่ยว 22,400 ยูนิต หรือประมาณ 17% อาคารพาณิชย์ 10,200 ยูนิต หรือประมาณ 8% ที่เหลือเป็นบ้านแฝดประมาณ 5,000 ยูนิตนั้นเอง

          ในทั้งนี้หากเราพิจารณาในแง่ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2558 มีมูลค่ารวมกันประมาณ 321,400 ล้านบาท ก็แบ่งเป็น ห้องชุดมีมูลค่าการโอนประมาณ 108,700 ล้านบาท หรือประมาณ 34% ของมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในทุกประเภทรวมกัน โดยบ้านเดี่ยวมีมูลค่าการโอนประมาณ 97,800 ล้านบาท หรือประมาณ 30% บ้านทาวน์เฮ้าส์มีมูลค่าการโอนอยู่ที่ประมาณ 68,900 ล้านบาท หรือประมาณ 21% โดยอาคารพาณิชย์มีมูลค่าการโอนประมาณ 34,200 ล้านบาท หรือก็ประมาณ 11% และบ้านแฝดมีมูลค่าการโอน 11,800 ล้านบาท หรือประมาณ 4% ของทั้งหมด โดยคอนโดใกล้รถไฟฟ้าก็มาแรงามเคย

          ในการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยนั้นประเภทห้องชุด มีมากที่สุดในกรุงเทพฯ โดยประมาณ 36,400 ยูนิตและในจังหวัดนนทบุรีประมาณ 5,400 ยูนิต ส่วนจังหวัดสมุทรปราการประมาณ 3,400 ยูนิต และจังหวัดปทุมธานีประมาณ 2,200 ยูนิต ในส่วนจังหวัดสมุทรสาครประมาณ 400 ยูนิต และในจังหวัดนครปฐมประมาณ 360 ยูนิต โดยพื้นที่เฉลี่ยต่อหน่วยของห้องชุดที่มีการโอนกรรมสิทธิ์นั้นในกรุงเทพฯอยู่ที่ประมาณ 27.4 ตารางเมตร และในส่วนในจังหวัดปริมณฑลอยู่ที่ประมาณ 28.3 ตารางเมตรของทั้งหมด

          ในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดใหม่ หรือโอนจากนิติบุคคล มีมากที่สุด 3 ไตรมาสแรก ปี 2558 ได้แก่ ในเขตห้วยขวาง อำเภอเมืองนนทบุรี ในเขตสวนหลวง ในเขตพระโขนง และในเขตจตุจักร โดยส่วนพื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ที่ห้องชุดคอนโดมิเนียมมือสอง หรือโอนจากบุคคลธรรมดา ที่มากที่สุด ได้แก่ ในเขตห้วยขวาง ในอำเภอคลองหลวง เขตบางซื่อ ในเขตพระโขนง และในเขตดอนเมือง ตามลำดับนั้นเอง

          ในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยวหรือขายใหม่มากที่สุด 3 ไตรมาสแรก ปี 2558 ได้แก่ ในอำเภอบางบัวทอง ในอำเภอบางพลี ในอำเภอลำลูกกา ในเขตสายไหม และในอำเภอปากเกร็ด และส่วนพื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยวมือสองที่มากที่สุด ได้แก่ ในเขตบางกะปิ ในอำเภอลำลูกกา ในอำเภอคลองหลวง ในเขตบางเขน และในเขตมีนบุรี ตามลำดับ

         และในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ทาวน์เฮ้าส์ขายใหม่ที่มากที่สุด 3 ไตรมาสแรก ปี 2558 ได้แก่ ในอำเภอบางพลี ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ ในอำเภอเมืองสมุทรสาคร อำเภอลำลูกกา และในอำเภอเมืองปทุมธานี ส่วนในพื้นที่ซึ่งมีจำนวนหน่วยการโอนกรรมสิทธิ์ทาวน์เฮ้าส์มือสองที่มากที่สุด ได้แก่ ในอำเภอคลองหลวง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ ในอำเภอบางบัวทอง ในเขตบางเขน และในอำเภอลำลูกกา ตามลำดับนั้นเอง

    ทั้งหมดก็เป็นยอกการโอนต่างๆ ที่มีต่างๆกันไป โดนในคอนโดนั้น คอนโดติดรถไฟฟ้าก็ถือได้ว่ามียอดโอสูงสุดเลยก็ว่าได้ เพราะว่าคอนโดติดรถไฟฟ้ากำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเลยสามารถทำให้รายได้สูงมากขึ้นและมีการโอมากขึ้น นอกจากนี้คอนโดราคาถูกก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่มียอดการโอนที่สูงเลยก็ว่าได้




คอนโดฯ ตากอากาศ แสนสิริ ที่ไม่ใช่คอนโดราคาถูก กำลังจะตีตลาด

คอนโดราคาถูก
บล็อกรีวิวคอนโดราคาถูก ขอขอบคุณภาพจาก thinkofliving.com

          โดยอุทัย อุทัยแสงสุข หรือรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ในสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทนั้นมีคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่พร้อมโอนฯ ในทำเลที่เมืองท่องเที่ยวจำนวน 8 โครงการ ซึ่งได้มีมูลค่าเหลือขายประมาณ 3 พันล้านบาท หรือก็ประมาณ 800 กว่ายูนิต ในราคาเริ่มต้น 2-70 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ เดอะ วัลลีย์ เขาใหญ่,และ ออทัมน์ หัวหิน,และ เรน ชะอำ-หัวหิน,และ บ้านปลายหาด วงศ์อมาตย์,และ เดอะ เบส ไฮท์ ภูเก็ต,แะ เดอะ เบส อัพทาวน์ ภูเก็ต,และ บ้านไม้ขาว และเดอะ เดค ป่าตอง

          โดย ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโปรแกรม 'Earn FROM THE HOLIDAYS' ให้ชีวิตพักผ่อนที่มากขึ้น โดยกับผลตอบแทนที่มั่นคง โดยการซื้อคอนโดมิเนียม 1 ใน 8 โครงการดังกล่าว เราจะสามารถเข้าพักอาศัยได้ใน 15 โครงการ ก็คือ

          คอนโดมิเนียม 5 เมืองท่องเที่ยว ที่ได้แก่ เชียงใหม่,และ ภูเก็ต,และ หัวหิน, และเขาใหญ่และพัทยา ซึ่งก็จะได้ระยะเวลาในการเข้าพักนานสูงสุด 60 วัน อีกทั้งก็ยังได้รับประกันผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 6-7% ต่อปี ในระยะเวลา 2-5 ปี โดยจะได้รับผลตอบแทนเป็นรายปีอีกด้วย

          "ยอมรับเลยว่าที่ผ่านมายอดขายไปได้ช้า และทำให้ต้องหาแคมเปญมากระตุ้น ที่ผ่านมาของบริษัทเคยทำการันตีค่าเช่าให้ลูกค้าเพียงอย่างเดียว โดยมาครั้งนี้เพื่อข้อเสนอให้ลูกค้าที่ซื้อห้องไปนอกจากจะได้รับผลที่ตอบแทนแล้วยังจะได้ไปพักที่อื่นๆ ได้ด้วย"

         ทั้งนี้ก็ระยะเวลาแคมเปญดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้-30 เมษายน 2559 และในบริษัทตั้งเป้ามียอดขาย 250 ยูนิต หรือได้คิดเป็นมูลค่า 1,500 ล้านบาท

ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆ จาก นิตยสาร The Condominium

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น