รัฐปรับค่าโอนลง 1% เพื่อฟื้นเศรษฐกิจคอนโดติดรถไฟฟ้า
บล็อก รีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก mut.ac.th |
มาตรการในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้นได้เริ่มเดินหน้าอย่างเต็มสูบแล้ว หลังจากที่กรมที่ดินประกาศให้ลดค่าธรรมเนียมการโอนและจด จำนองซึ่งจะเป็นมาตรการสำคัญไปเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมานี้ เสริมสร้างบรรยากาศการซื้อขายบ้านและคอนโดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายซึ่ง เป็นไฮซีซั่นในของตลาดให้คึกคักมากยิ่งขึ้นค่ะ อย่างไรก็ตามแต่ มาตรการกระตุ้นนี้อาจจะไม่ใช่ยาวิเศษที่จะช่วยให้การตลาดพลิกฟื้นมาได้ ทันตาเห็น แต่อาจจะเป็นเพียงยาระบายในการลดสต๊อกบ้านที่มีอยู่ให้ไหลลื่นได้รวดเร็วขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
อิสระ บุญยัง กรรมในการผู้จัดการ บริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ และนายกกิตติมศักดิ์ผู้เป็นสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ได้ประเมินว่า บรรยากาศในการซื้อขายบ้านนั้นเริ่มคึกคักขึ้นหลังจากภาครัฐได้ใช้มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ได้ในแง่ของยอดคนเข้าชมต่างๆ และโครงการและยอดโอน แต่ก็ยังเชื่อว่าการตลาดโดยรวมในปีนี้ทั้งปียังคงจะชะลอตัวลง ทั้งตัวเลขเปิดโครงการใหม่ที่ได้คาดว่าน่าจะติดลบ ประมาณถึง 10% ตัวเลขยอดขายที่ยังติดลบอีก 5-10% เพราะในตัวเลขเปิดโครงการก็ลดลง มีแค่ตัวเลขโอนที่จำนวนหน่วยนั้นเพิ่มขึ้น 7% แต่มูลค่าก็คาดว่าจะลดลงเช่นกัน
เนื่องจากในมาตรการกระตุ้นนี้มีผลกับตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีทีผ่านมา และยังเป็นมาตรการที่ได้จำกัดเพดานราคาบ้านไว้และรายได้ของผู้ซื้อ ทั้งนี้เรื่องของมาตรการสินเชื่อ และมาตรการลดภาษีนั้น ในขณะที่เรื่องการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองนั้นมีเวลาจำกัดแค่ 6 เดือนเท่านั้น โอกาสที่ตลาดจะพลิกกลับนั้นก็คงยากไปอีก แต่ก็จะช่วยผลักดันสต๊อกที่มีอยู่ในมือผู้ที่ประกอบการได้มากขึ้นทั้งใน 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ และยังอีก 4 เดือนแรกของปีหน้าด้วย
ในไตรมาสแรกของปีหน้านี้จะมียอดโอนบ้านสูงที่สุดในรอบปีเลย ซึ่งเป็นผลใสจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่ประกอบกับผู้ประกอบการได้จัดเร่งอัดแคมเปญกระตุ้นไปพร้อมๆกันด้วย กับมาตรการ โดยจะนำเงินที่ได้จากการลดค่าธรรมเนียมการโอนในฝั่งผู้ประกอบการมา 1% มาใช้ร่วมกับงบในการตลาดของแต่ละบริษัทด้วย เพื่อเร่งระบายสต๊อกอสังหาที่มีอยู่ออกให้เร็วที่สุด
และในขณะเดียวกัน ในหลายบริษัทก็ได้มีการปรับแผนการก่อสร้างใหม่ใหม่ทั้งคอนโดติดรถไฟฟ้าและขายคอนโดราคาถูก โดยเพิ่มจำนวนบ้านสร้างเสร็จต่อเดือนให้มากขึ้นอีก อิสระ ประเมินว่าใน ปีหน้านี้แต่ละบริษัทจะมีการวางแผนเป็น 2 ระดับ นั้นก็คือคือ แผนที่รองรับกับมาตรการในช่วง 4 เดือนแรกในของปี 2559 โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็น การเร่งปรับแผนก่อสร้างขึ้น เร่งอัดแคมเปญในการตลาด เพื่อจะระบายสต๊อกเก่าๆออก ส่วนอีกแผนก็คือแผนลงทุนใหม่ตลอดทั้งปี ซึ่งก็จะไม่เกี่ยวโยงกับมาตรการกระตุ้นด้วย โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการก็จะยังคงระมัดระวังในการลงทุนใหม่เรื่องบ้านจัดสรร และคอนโดติดรถไฟฟ้า หรือคอนโดใหม่ๆ และไม่ ผลักซัพพลายใหม่ๆ ออกมานัก
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้สิ้นสุดมาตการไปแล้ว ตลาดก็จะซบเซาลงอย่างชัดเจนแน่นอน ผู้ประกอบการในอสังหาริมทรัพย์ก็จะต้อง เตรียม แผนที่จะรับมือให้ได้ทันทางที รวมถึงบริษัทต่างๆก็ เตรียมแผนไว้รับมือแล้วเช่นกัน ทั้งการเตรียมออกแคมเปญในเรื่องบ้านจัดสรรใหม่ๆ หรือคอนโดติดรถไฟฟ้า หรือคอนโดอื่นๆใหม่ๆ ที่ทำให้ลูกค้าที่ซื้อบ้านและขายคอนโดราคาถูกในปีหน้าก็จะได้รับมาตรการที่พิเศษเหมือนกับมาตรการของภาครัฐเช่นกัน
โดยทั้งนี้ ข้อกังวลที่ว่าในกำลังซื้อของผู้บริโภคนั้นจะแผ่วลงหลังจากหมดมาตรในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็ไปสอดคล้องกับข้อ วิเคราะห์ของคุณ เบญจรงค์ สุวรรณคีรี จากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TMB ของธนาคารทหารไทย ที่ได้ให้ข้อควรระวังไว้ว่า ในการใช้มาตรการกระตุ้นการบริโภคที่จะทำเกิดการก่อหนี้ครัวเรือนนั้น อาจจะดีแค่ในช่วงสั้นๆเท่านั้น แต่หลังจากหมดมาตรและ การกำลังซื้อจะได้หายลงไปในตลาดด้วยเช่นกัน และต้องใช้เวลาเพื่อฟื้นตัวนาน
อย่างไรก็ตามแต่ คุณ อิสระ ก็มองว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะได้เคยเกิดกับตลาดรถยนต์ที่ได้มรมาตรการรถคันแรกที่สามารถกระตุ้นบริโภคได้เป็นอย่างดี ที่ไม่ได้วางแผนซื้อรถให้ตัดสินใจซื้อได้ในทันที แต่ผู้บริโภคที่จะซื้อบ้านส่วนใหญ่จะต้องวางแผนมาก่อนแล้วล่วงหน้าทั้งนั้น และมาตรการ ที่จะออกมาอาจจะช่วยกระตุ้นตลาดได้อีกแค่ 10% เท่านั้น นอกจากนี้ จาก การเก็บข้อมูลทั่วไปพบว่า หลังการใช้มาตรในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์นั้น ตลาดยังไม่เคยทรุดตัวลงเลย ยกเว้นปี 2554 ที่เนื่องจากประสบ ปัญหาอุทกภัย เท่านั้น
ในข้อกังวลดังกล่าวคงจะต้องไปทำการพิสูจน์กันอีกครั้งหลังจบมาตรการนี้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่ๆ นับจากนี้ไป นับไปจนถึงปีหน้านี้ ก็คือ การถล่มแคมเปญในการตลาดเพื่อระบายยอดขายเท่านั้น เพราะอย่าลืมว่าผู้ประกอบนั้นกาจะรมีงบเพิ่มอีก 1% จากการที่ค่าโอนที่รัฐบาลออกให้ โดยใครคิดเก็บไว้เป็นกำไรคงต้องตกขบวนแน่นอนค่ะ
บล็อก รีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก โพสต์ทูเดย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น