คอนโดใกล้รถไฟฟ้า และอสังหาฯ กำลังล้นตลาด กว่า 1.78 แสน ยูนิต
บล็อก รีวิวคอนโดใลก้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก plus.co.th
เอเจนซี่ฯ ได้ระบุว่าบ้านและคอนโดใกล้รถไฟฟ้า และคอนโดทั่วไป นั้นยังไม่เข้าขั้นวิกฤติ แม้แต่ยูนิตเหลือขาย 1.78 แสนยูนิตก็ตาม เหตุเป็นเพราะอัตราเพิ่มขึ้นไม่มากเกินไป กังวล จะมีแนวโน้มอาจล้นตลาด และหากเติมซัพพลายใหม่เพิ่มอีก ขณะซัพพลายยังสร้างไม่เสร็จมากถึง 60% ก็กลายเป็นความเปราะบางทางธุรกิจอสังหาฯแจงในโครงการประสบปัญหาขายไม่ออกและเลิกร้างถึง 129 โครงการ และยังประสบปัญหาหนักสุด โดยคอนโด กว่า 2 หมื่นยูนิต ในส่วนใหญ่ระดับราคา 1-2 ล้าน และรองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว 5 พันกว่ายูนิต โดยสาเหตุใหญ่แบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อนั้นเอง
โดยนายโสภณ พรโชคชัย หรือประธานกรรมการบริหาร ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการ ของบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ได้เปิดเผยถึงภาพรวมในการสำรวจที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และเขต ปริมณฑล ล่าสุด ณ เดือน ก.ค. 2558ที่ผ่านมา พบว่า ยังมีโครงการที่อยู่อาศัย ที่เปิดใหม่ จำนวน 488,026 แสนยูนิต รวมมูลค่ากว่า 1.64 แสน ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียม มากที่สุดถึง 51% รองลงมาก็เป็น ทาวน์เฮ้าส์ 23% และบ้านเดี่ยว 19% และอื่นๆ ได้แก่พวก บ้านแฝด อาคาร พาณิชย์ และที่ดินจัดสรรต่างๆ อีก 7%
ในขณะที่ ยูนิตเหลือขายรวมอยู่ประมาณ 1.78 แสนยูนิต แต่ก็ยังไม่ถืออยู่ขั้นภาวะ ล้นตลาดมากนัก แม้ว่ายูนิตเหลือขายจะกำลังเพิ่มขึ้น โดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ แต่เป็นอัตราการเพิ่มไม่มากเท่าไรนัก
แม้ตัวเลขเหลือขายขณะนี้ จะยังไม่ถึง ขั้นวิกฤติก็ตาม แต่ก็มีแนวโน้มจะเข้าสู่วิกฤติ ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยคาดว่า คงใช้ระยะเวลา อีก 2-3 ปี ถ้าหากไม่มีการแก้ไขใดๆ หรือมีซัพพลายใหม่เพิ่มเข้ามามากขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี ในโครงการส่วนใหญ่ยังก่อสร้างยังไม่เสร็จถึง 60% ซึ่งก็ถือว่ายังมีความเปราะบางในการที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ถ้าหาก เกิดปัญหาวิกฤติ อสังหาฯขึ้น ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ซื้อด้วย ผู้ประกอบการ และในสถาบันการเงินอีกด้วย
คาดว่าทั้งปี 2558 นี้ จะได้มีโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดอีก 107,821 ยูนิต โดยลดลงประมาณ 6% จากปีที่แล้ว 114,094 ยูนิต ในขณะที่ มูลค่า ของโครงการเปิดใหม่คาดว่าจะ เพิ่มขึ้นราวๆ 21% จาก ปี 2557 โดยที่เปิดตัว 344,549 ยูนิต และเป็น 418,006 ยูนิต เนื่องจาก สินค้าราคา ไม่เกิน 1 ล้านบาทนั้นเอง
ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นคอนโด ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนยูนิตและมูลค่าดดยการพัฒนาถึง 25% เพราะเป็นสินค้าที่มีผู้ซื้อไว้เก็ง กำไรมากที่สุด และส่วนสินค้าราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป
โดยเฉพาะราคา 20 ล้านบาทนั้น มีการเปิดตัวมากทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯโดยมีจำนวนถึง 2,166 ยูนิต หรือมากเป็น 4 เท่า ในขณะ ที่มีมูลค่าสูงถึง 71,807 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5 เท่า ของ ปีที่แล้วเปิด 449 ยูนิต โดยรวมมูลค่า 12,539 ล้านบาทเท่านั้นเอง
โดย นายโสภณ กล่าวยังว่า จากการสำรวจ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของศูนย์ฯ ก็ยังพบว่า ในขณะนี้มีได้โครงการที่ หยุดการขาย ที่ประสบปัญหา ในการขายจนต้องเลิกร้างไปถึง 129 โครงการ
ทั้งนี้ก็ยังมีโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ 1,634 โครงการ โดยจำนวนยูนิตที่เลิกร้างไปหรือรอการปรับปรุงใหม่นั้นมี 34,038 ยูนิต รวม มูลค่ากว่า 91,128 ล้านบาท
สำหรับประเภทของโครงการอสังหาฯ จะหยุดการขายไปในจำนวนดังกล่าว ในกลุ่มใหญ่ที่สุด ซึ่งได้แก่ คอนโด มากถึง 20,067 ยูนิต หรือก็คิดเป็น 59% โดยเฉพาะห้องชุดราคา 1-2 ล้านนั้นที่ตั้งอยู่ย่านชานเมือง ในรองลงมาคือบ้านเดี่ยวที่ได้ประสบปัญหา ก็มีราวๆ 5,673 ยูนิต หรือคิดเป็น17% ส่วนของทาวน์เฮาส์ที่ประสบปัญหามีนั้น 3,624 ยูนิต หรือคิดเป็น 11% เท่านั้นเอง และส่วนหากเป็นทาวน์เฮาส์ ก็ราคา 1-2 ล้านบาท โดยกลุ่มอื่น ๆ เช่น บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่าจัดสรรด้วย มีเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ในการผลิตที่อยู่อาศัย ในแบบบ้านเดี่ยวมักเกิดขึ้นมากเป็นอันดับ 3 แต่ในกรณีการหยุดการขาย บ้านเดี่ยวกลับได้มาเป็นอันดับ 2 กรณีนี้ได้แสดงให้เห็นว่า บ้านเดี่ยวที่มักจะขายได้ช้านั้นก็มีปัญหาอยู่พอสมควร และในที่ดินจัดสรรที่สถาบันการเงินมักไม่อำนวย สินเชื่อ นั้นเพราะหลักประกันต่ำด้วยไม่มีบ้านอยู่ด้วย และก็มักจะขายไม่ออก จนกระทั่งประสบปัญหาไปในที่สุดนั้นเอง
หากพิจารณาจากแนวโน้มจะพบว่า ณ สิ้นปี 2557 ได้มีโครงการที่ประสบปัญหาจำนวน 122 โครงการประมาณ 34,519 ยูนิต โดยมูลค่า 81,704 ล้านบาท แต่ ณ กลางปี 2558 ได้มีจำนวนเพิ่มเป็น 129 โครงการหรือประมาณ 34,038 หน่วย มูลค่ากว่า 91,128 ล้านบาท สรุปว่า จำนวนของโครงการเพิ่ม 7 โครงการ โดยคิดเป็น 9% ยูนิตขายลดลงถึง 481 หน่วย คือติดลบ1% แต่มูลค่าได้เพิ่มขึ้น 9,424 ล้านบาท หรือประมาณ 12% ที่เป็นเช่นนี้ได้นั้นก็แสดงให้เห็นว่า ยูนิตขายที่มีราคาสูงขึ้นก็จะประสบปัญหาในการขายเช่นกัน ดังนั้นในสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก
ในสำหรับสาเหตุของการล้มเลิกโครงการจนหยุดขายนั้น จะประกอบด้วย สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อต่างๆ จำนวน 37 โครงการ โดยคิดเป็น 29%, และขายไม่ออก ไม่มีคนซื้อ หรือรูปแบบสินค้า ไม่เหมาะสม อีกจำนวน 23 โครงการ โดยคิดเป็น 18%, และไม่ผ่านการประเมิน สิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) อีกจำนวน 29โครงการ หรือคิดเป็น 22% , และรอปรับราคาขายใหม่อีกจำนวน 8โครงการ และคิดเป็น 6%, มีการเปลี่ยนรูปแบบโครงการ อีกจำนวน 10 โครงการ และคิดเป็น12%, อยู่ในทำเลที่ตั้งห่างไกลสิ่งอำนวยความสะดวก อีกจำนวน 15 โครงการ โดยคิดเป็น 12%, กรรมสิทธิ์ ของที่ดินและทางเข้าออกโดนเวนคืนอีกจำนวน 3 โครงการ โดยคิดเป็น 2%, ยกเลิกการขายที่เหลือนำมาปล่อยเช่าอีก จำนวน 2 โครงการ และคิดเป็น 2% และขาดผู้ที่รับเหมาและแรงงานก่อสร้าง อีกจำนวน 2 โครงการ และคิดเป็น 2%
โดยคอนโดราคาถูก ก็มีแนวโน้มที่จะล้นตลาดมาก เพราะช่วงปลายปีได้มีโครงการคอนโดที่มาราคาที่ถูก หรือคอนโดราคาถูก กันออกมามาพอสมควร โดยหลังการซื้อได้ลลดลงมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้จะเกิดสภาวะล้นตลาดขึ้นได้
บล็อกรีวิว คอนโดใลก้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก กรุงเทพธุรกิจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น