วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คอนโดใกล้รถไฟฟ้า และอสังหากำลังล้นตลาด กว่า 1.78 แสน ยูนิต

คอนโดใกล้รถไฟฟ้า และอสังหาฯ กำลังล้นตลาด กว่า 1.78 แสน ยูนิต 



คอนโดราคาถูก

บล็อก รีวิวคอนโดใลก้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพจาก plus.co.th

เอเจนซี่ฯ ได้ระบุว่าบ้านและคอนโดใกล้รถไฟฟ้า และคอนโดทั่วไป นั้นยังไม่เข้าขั้นวิกฤติ แม้แต่ยูนิตเหลือขาย 1.78 แสนยูนิตก็ตาม เหตุเป็นเพราะอัตราเพิ่มขึ้นไม่มากเกินไป กังวล จะมีแนวโน้มอาจล้นตลาด และหากเติมซัพพลายใหม่เพิ่มอีก ขณะซัพพลายยังสร้างไม่เสร็จมากถึง 60% ก็กลายเป็นความเปราะบางทางธุรกิจอสังหาฯแจงในโครงการประสบปัญหาขายไม่ออกและเลิกร้างถึง 129 โครงการ และยังประสบปัญหาหนักสุด โดยคอนโด กว่า 2 หมื่นยูนิต ในส่วนใหญ่ระดับราคา 1-2 ล้าน และรองลงมาเป็นบ้านเดี่ยว 5 พันกว่ายูนิต โดยสาเหตุใหญ่แบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อนั้นเอง 

โดยนายโสภณ พรโชคชัย หรือประธานกรรมการบริหาร ของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นกรรมการผู้จัดการ ของบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด ได้เปิดเผยถึงภาพรวมในการสำรวจที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพฯ และเขต ปริมณฑล ล่าสุด ณ เดือน ก.ค. 2558ที่ผ่านมา พบว่า ยังมีโครงการที่อยู่อาศัย ที่เปิดใหม่ จำนวน 488,026 แสนยูนิต รวมมูลค่ากว่า 1.64 แสน ล้านบาท โดยเป็นคอนโดมิเนียม มากที่สุดถึง 51% รองลงมาก็เป็น ทาวน์เฮ้าส์ 23% และบ้านเดี่ยว 19% และอื่นๆ ได้แก่พวก บ้านแฝด อาคาร พาณิชย์ และที่ดินจัดสรรต่างๆ อีก 7% 

ในขณะที่ ยูนิตเหลือขายรวมอยู่ประมาณ 1.78 แสนยูนิต แต่ก็ยังไม่ถืออยู่ขั้นภาวะ ล้นตลาดมากนัก แม้ว่ายูนิตเหลือขายจะกำลังเพิ่มขึ้น โดยตลอดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ แต่เป็นอัตราการเพิ่มไม่มากเท่าไรนัก 

แม้ตัวเลขเหลือขายขณะนี้ จะยังไม่ถึง ขั้นวิกฤติก็ตาม แต่ก็มีแนวโน้มจะเข้าสู่วิกฤติ ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยคาดว่า คงใช้ระยะเวลา อีก 2-3 ปี ถ้าหากไม่มีการแก้ไขใดๆ หรือมีซัพพลายใหม่เพิ่มเข้ามามากขึ้น 

แต่อย่างไรก็ดี ในโครงการส่วนใหญ่ยังก่อสร้างยังไม่เสร็จถึง 60% ซึ่งก็ถือว่ายังมีความเปราะบางในการที่จะซื้อที่อยู่อาศัย ถ้าหาก เกิดปัญหาวิกฤติ อสังหาฯขึ้น ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ซื้อด้วย ผู้ประกอบการ และในสถาบันการเงินอีกด้วย 

คาดว่าทั้งปี 2558 นี้ จะได้มีโครงการเปิดใหม่ทั้งหมดอีก 107,821 ยูนิต โดยลดลงประมาณ 6% จากปีที่แล้ว 114,094 ยูนิต ในขณะที่ มูลค่า ของโครงการเปิดใหม่คาดว่าจะ เพิ่มขึ้นราวๆ 21% จาก ปี 2557 โดยที่เปิดตัว 344,549 ยูนิต และเป็น 418,006 ยูนิต เนื่องจาก สินค้าราคา ไม่เกิน 1 ล้านบาทนั้นเอง 

ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นคอนโด ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนยูนิตและมูลค่าดดยการพัฒนาถึง 25% เพราะเป็นสินค้าที่มีผู้ซื้อไว้เก็ง กำไรมากที่สุด และส่วนสินค้าราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป 

โดยเฉพาะราคา 20 ล้านบาทนั้น มีการเปิดตัวมากทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯโดยมีจำนวนถึง 2,166 ยูนิต หรือมากเป็น 4 เท่า ในขณะ ที่มีมูลค่าสูงถึง 71,807 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5 เท่า ของ ปีที่แล้วเปิด 449 ยูนิต โดยรวมมูลค่า 12,539 ล้านบาทเท่านั้นเอง 

โดย นายโสภณ กล่าวยังว่า จากการสำรวจ ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของศูนย์ฯ ก็ยังพบว่า ในขณะนี้มีได้โครงการที่ หยุดการขาย ที่ประสบปัญหา ในการขายจนต้องเลิกร้างไปถึง 129 โครงการ 

ทั้งนี้ก็ยังมีโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ 1,634 โครงการ โดยจำนวนยูนิตที่เลิกร้างไปหรือรอการปรับปรุงใหม่นั้นมี 34,038 ยูนิต รวม มูลค่ากว่า 91,128 ล้านบาท 

สำหรับประเภทของโครงการอสังหาฯ จะหยุดการขายไปในจำนวนดังกล่าว ในกลุ่มใหญ่ที่สุด ซึ่งได้แก่ คอนโด มากถึง 20,067 ยูนิต หรือก็คิดเป็น 59% โดยเฉพาะห้องชุดราคา 1-2 ล้านนั้นที่ตั้งอยู่ย่านชานเมือง ในรองลงมาคือบ้านเดี่ยวที่ได้ประสบปัญหา ก็มีราวๆ 5,673 ยูนิต หรือคิดเป็น17% ส่วนของทาวน์เฮาส์ที่ประสบปัญหามีนั้น 3,624 ยูนิต หรือคิดเป็น 11% เท่านั้นเอง และส่วนหากเป็นทาวน์เฮาส์ ก็ราคา 1-2 ล้านบาท โดยกลุ่มอื่น ๆ เช่น บ้านแฝด อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่าจัดสรรด้วย มีเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น 

ในการผลิตที่อยู่อาศัย ในแบบบ้านเดี่ยวมักเกิดขึ้นมากเป็นอันดับ 3 แต่ในกรณีการหยุดการขาย บ้านเดี่ยวกลับได้มาเป็นอันดับ 2 กรณีนี้ได้แสดงให้เห็นว่า บ้านเดี่ยวที่มักจะขายได้ช้านั้นก็มีปัญหาอยู่พอสมควร และในที่ดินจัดสรรที่สถาบันการเงินมักไม่อำนวย สินเชื่อ นั้นเพราะหลักประกันต่ำด้วยไม่มีบ้านอยู่ด้วย และก็มักจะขายไม่ออก จนกระทั่งประสบปัญหาไปในที่สุดนั้นเอง 

หากพิจารณาจากแนวโน้มจะพบว่า ณ สิ้นปี 2557 ได้มีโครงการที่ประสบปัญหาจำนวน 122 โครงการประมาณ 34,519 ยูนิต โดยมูลค่า 81,704 ล้านบาท แต่ ณ กลางปี 2558 ได้มีจำนวนเพิ่มเป็น 129 โครงการหรือประมาณ 34,038 หน่วย มูลค่ากว่า 91,128 ล้านบาท สรุปว่า จำนวนของโครงการเพิ่ม 7 โครงการ โดยคิดเป็น 9% ยูนิตขายลดลงถึง 481 หน่วย คือติดลบ1% แต่มูลค่าได้เพิ่มขึ้น 9,424 ล้านบาท หรือประมาณ 12% ที่เป็นเช่นนี้ได้นั้นก็แสดงให้เห็นว่า ยูนิตขายที่มีราคาสูงขึ้นก็จะประสบปัญหาในการขายเช่นกัน ดังนั้นในสถานการณ์ยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก 

ในสำหรับสาเหตุของการล้มเลิกโครงการจนหยุดขายนั้น จะประกอบด้วย สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อต่างๆ จำนวน 37 โครงการ โดยคิดเป็น 29%, และขายไม่ออก ไม่มีคนซื้อ หรือรูปแบบสินค้า ไม่เหมาะสม อีกจำนวน 23 โครงการ โดยคิดเป็น 18%, และไม่ผ่านการประเมิน สิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) อีกจำนวน 29โครงการ หรือคิดเป็น 22% , และรอปรับราคาขายใหม่อีกจำนวน 8โครงการ และคิดเป็น 6%, มีการเปลี่ยนรูปแบบโครงการ อีกจำนวน 10 โครงการ และคิดเป็น12%, อยู่ในทำเลที่ตั้งห่างไกลสิ่งอำนวยความสะดวก อีกจำนวน 15 โครงการ โดยคิดเป็น 12%, กรรมสิทธิ์ ของที่ดินและทางเข้าออกโดนเวนคืนอีกจำนวน 3 โครงการ โดยคิดเป็น 2%, ยกเลิกการขายที่เหลือนำมาปล่อยเช่าอีก จำนวน 2 โครงการ และคิดเป็น 2% และขาดผู้ที่รับเหมาและแรงงานก่อสร้าง อีกจำนวน 2 โครงการ และคิดเป็น 2% 

โดยคอนโดราคาถูก ก็มีแนวโน้มที่จะล้นตลาดมาก เพราะช่วงปลายปีได้มีโครงการคอนโดที่มาราคาที่ถูก หรือคอนโดราคาถูก กันออกมามาพอสมควร โดยหลังการซื้อได้ลลดลงมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทำให้จะเกิดสภาวะล้นตลาดขึ้นได้

บล็อกรีวิว คอนโดใลก้รถไฟฟ้า ขอขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก กรุงเทพธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น