ข้อควรระวัง การปลูกต้นไม่ในบ้านทาว์เฮ้าส์
การที่เรานั้นจะปลูกต้นไม้สักต้นไม่หนึ่งในบ้าวทาวน์เฮ้าส์ของเรานั้นใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่การที่เราเดินไปร้านต้นไม้แล้วก็จะชี้ๆๆ จ่ายตัง ยกกลับมาบ้านเท่านั้น ถ้าแค่นี้ละก็ มีหวังว่าต้นไม้ที่เราซื้อมาคงจะมีชีวิตอยู่ไม่น่าจะเกินอาทิตย์ได้ละมั้งค่ะ วันนี้จึงได้นำข้อควรระวังรวมถึงการเตรียมตัวสำหรับการที่เราจะเริ่มปลูกต้นไม้ในบ้านมาฝากกันค่ะ
ข้อ 1. มองหาที่ที่จะเตรียมจัดวางต้นไม้ เพราะเรานั้นไม่ควรซื้อต้นไม้แค่เห็นแล้วชอบเท่านั้น แต่ควรจะมองหรืออาจจะมีการจัดการเคลียร์พื้นที่เพื่อที่สำหรับการปลูกต้นไม้ไว้ก่อนที่จะซื้อต้นไม้ เพื่อให้เวลาซื้อต้นไม้มา เราจะได้ซื้อได้ถูกกับพื้นที่ที่เตรียมไว้เป็นในร่ม หรือกลางแจ้ง ต้นไม้ที่เลือกก็ต้องดูว่าเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดหรืไม่และเหมากับอย่างไหน หรือแม้กระทั่งใช้วางหรือแขวนด้วย เพราะต้นไม้ที่เลือกนั้นก็จะต่างกันออกไป เช่น ต้นลิปสติกแดงจะเป็นไม้เลื้อย และจะสามารถจัดใส่กระถางแขวนตกแต่งได้ดีค่ะ
ข้อ 2. เมื่อเตรียมพื้นที่เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การที่เราจะเลือกหาสถานที่ซื้อต้นไม้ และขอแนะนำนะคะ ว่าควรซื้อจากร้านที่ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือ หรืออาจจะจากสวนโดยตรงเลยยิ่งดีค่ะ อย่าซื้อต้นไม้เพราะเห็นแก่ว่าราคาถูก เป็นอันขาดเลย ควรเลือกซื้อโดยเริ่มพิจารณาจากต้นไม้ที่ไม่มีตำหนิ หรือไม่มีรอยช้ำ เพราะกว่าเราจะนำกลับมาบ้านและนำลงกระถางได้นั้นจะทำให้ต้นไม้นั้นตายได้ง่ายมากค่ะ แต่ถ้าหากว่าเป็นไม้ดอกเราควรเลือกต้นที่มีดอกตูมเต็มที่แต่ยังไม่บาน เพราะเมื่อเรานำมาปลูกแล้ว เราก็จะเห็นดอกบานสวยๆ แต่ถ้าเป็นต้นที่มีดอกบานอยู่แล้ว เมื่อเรานำกลับมาปลูกดอกนั้นก็จะเริ่มแห้งเหี่ยวค่ะ
ข้อ 3. หากการซื้อต้นไม้ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของคุณละก็ คุณควรเลือกต้นไม้ที่ทนทานการดูแลนิดหนึ่งค่ะ ตายยากหน่อยก็จัดี จะได้เป็นกำลังใจในการปลูกต้นอื่นๆ ต่อไปค่ะ เมื่อได้ต้นไม้มาแล้วคุณควรที่จะศึกษาด้วยว่าต้นไม้นี้นั้นจะต้องดูแลอย่างไร และจะต้องรู้ตั้งแต่ว่าดินที่คุณควรใช้ปลูกจะต้องเป็นดินประเภทไหนจะดี ต้นไม้นี้ชอบแสงแดดจัดหรือแบบรำไร การรดน้ำจะต้องรดมาก และรดทุกวัน หรือรดน้อย 3 วันรดต่อครั้ง รวมไปถึงการให้ปุ๋ยด้วยค่ะ
ข้อ 4. เมื่อย้ายที่อยู่ให้ต้นไม้แล้ว สิ่งที่ควรจะระวังเป็นอย่างยิ่งคือ ควรจะขนในเวลาเช้า หรือในตอนเย็น และควรใช้รถขนที่มีหลังคาค่ะ หรืออาจเป็นตาข่ายสำหรับบังลมและแดดก็ได้ ควรยึดต้นหรือผูกต้นไม้ใว้กับรถหรือที่ยึดให้ดี เพื่อไม่ให้ต้นไม้ล้ม หรือ ตะแคงค่ะ และเมื่อถึงที่หมายดีแล้วคุณควรวางต้นไม้พักไว้เฉยๆ ก่อน สักพัก เพื่อปรับสภาพภูมิอากาศ ให้กับต้นไม้ จากนั้นจึงค่อยรดน้ำนะคะ และย้ายต่อไปได้นะคะ
ข้อ 5. สิ่งที่ต้องระวังของสถานที่ในการตั้ง คุณไม่ควรตั้งกระถางต้นไม้ในที่ที่ลมพัดแรงๆ ค่ะ หรือในสถานที่ที่มีไอร้อน คุณควรวางต้นไม้ตามความต้องการแสงของแต่ละต้น แต่หากต้องการแสงมากก็วางแถวๆ ประตูได้ หรือ ต้องการแสงน้อยด็วางใกล้หน้าต่าง ต้นไม้บางชนิดนั้นต้องการแค่แสงจากแสงไฟก็พอค่ะ เช่น ต้นเศรษฐีเรือนใน ค่ะ
ข้อ 6. ต้นไม้สับเปลี่ยน คุณควรมีต้นไม้สำหรับสับเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ชุดนะค่ะ เมื่อวางต้นไม้ตามจุดต่างๆ แล้วปล่อยไว้ สักระยะหนึ่ง ต้นไม้เมื่ออยู่ในอาคารนานๆ ก็จะเริ่มโทรม คุณควรเปลี่ยนอีกชุด เพื่อให้ต้นไม้ชุดที่เริ่มโทรมนำไปรับอากาศดีๆและแดดรำไร เพื่อให้ฟื้นตัวค่ะ รวมถึงการให้ปุ๋ยด้วยค่ะ ควรให้ปุ๋ยทุก 3 เดือน หรือแล้วแต่ความต้องการของต้นไม้แต่ละชนิดค่ะ
ข้อ 7. การรดน้ำต้นไม้ ในการรดน้ำต้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรระวัง ตั้งแต่น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำที่ไม่ร้อน หรือเย็น จนเกินไป คุณควรรดน้ำในตอนเช้า หรือในตอนเย็นเท่านั้น และไม่ควรรดตอนแดดจัด คุณควรรดที่โคนต้น ไม่ควรรดตรงๆ กับดอก หรือ ใบ แต่อันนี้แล้วแต่ความชอบน้ำของต้นไม้แต่ละชนิดด้วย บางชนิดต้องรดที่โคนต้นเท่านั้น หรือที่ดินเท่านั้น แต่ในขณะที่บางต้นให้ใช้กระถางแช่ลงในอ่างน้ำได้เลยเพื่อให้น้ำซึมขึ้นมา และเพื่อไม่ให้ดินแฉะเกินไป หรืออาจให้ต้นไม้รับน้ำโดยตรงก็แล้วแต่ชนิดต่างๆค่ะ
ข้อ 8. ทำหลักให้กับต้นไม้ได้ยึดเกาะ หากต้นไม้ที่คุณนำมาปลูกนั้นยังมีอายุน้อย ลำต้นก็จะมีความอ่อนตัวและยืดหยุ่นสูงด้วยดังนั้นการทำหลักให้ยึดเกาะก็จะช่วยจัดทรงของต้นไม้ให้ดูดีและสวยขึ้นด้วยค่ะ แต่ก็ควรระวังไม่ให้หลักปักโดนรากของต้นไม้ด้วยเช่นกันค่ะ
ข้อ 9. การดูแลรักษา จะเริ่มตั้งแต่ การตัดแต่งกิ่งให้ได้พุ่มสวยงาม หรือขนาดตามต้องการและยังเป็นการช่วยไม่ให้ต้นไม้รกเกินไปอีกด้วยเพราะถ้าหากบริเวณที่ปลูกต้นไม้รกเกินไปอาจเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานต่างๆได้ค่ะ และควรห้ามใช้ยาปราบศัตรูพืชกับต้นไม้ในอาคารด้วยค่ะ เพราะยานั้นก็จะระเหยอยู่ภายในอาคารของคุณ ทำให้เราจะเป็นผู้สูดดมมากว่าแมลงอีกค่ะ
ข้อ 10. สังเกตุความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของต้นไม้ ในการที่ต้นไม้แต่ละต้นจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นั้น มันจะเป็นเครื่องวัดความอุดมสมบูรณ์ของตนไม้ได้อีกด้วยค่ะว่า ที่เราให้ปุ๋ย แะรดน้ำนั้นเหมาะแก่เค้าหรือไม่ ลองสังเกตุดูนะคะ โดยการสังเกตุก็จะมีประมาณนี้คะ
- ต้นไม้นั้นเอียงไปด้านหนึ่ง คือ การที่ต้นไม้รับแสงเพียงด้านเดียวค่ะ วิธีแก้ไข หันอีกด้านของต้นไม้ให้โดแสง หรือคอยหมุนกระถางก็ได้
- ต้นไม้นั้นเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว คือ อาจจะได้รับปุ๋ยมากเกินไป วิธีแก้ไข ลดปริมาณการให้ปุ๋ยให้น้อยลงคะ
- บริเวณขอบใบเป็นสีเหลือง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และก้านก็ค่อยๆ แห้งไป นั้นคือการที่ต้นไม้ขาดน้ำ หรือ อาจน้ำน้อยเกินไป วิธีแก้ไข รดน้ำให้เพียงพอเหมาะสม และสม่ำเสมอ
- บริเวณขอบใบเป็นสีน้ำตาล โคนใบนั้นเริ่มเป็นสีเหลืองแล้วหลุดร่วงง่าย คือ อาการที่ต้นไม้นั้นได้น้ำมากจนเกินไป วิธีแก้ไข จะต้องลดปริมาณน้ำลง และคุณควรพรวนดินให้ร่วน เนื่องจากดินในบางจุดอาจแข็งและทำให้น้ำไม่ซึ่มผ่านค่ะ
- ใบเริ่มมีสีเหลือง แต่กิ่งก้านยังเป็นสีเขียว ยอดใบแคระแกรน คือ อาการที่ต้นไม้ขาดปุ๋ย วิธีแก้ไข ควรใส่ปุ๋ย แต่ควรต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะด้วยค่ะ
สนใจ รีวิวคอนโด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น