ซื้อ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ช่วงพรีเซลส์ จะได้ใน "คอนโดราคาถูก"
ขอบคุณข้อมูลบ่างส่วน และภาพ จาก http://www.oknation.net/ |
การซื้อคอนโดจะดีที่สุด คือการซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ เพราะเราจะได้เห็นสภาพห้องจริงๆ ของคอนดดนั้นๆ และบริเวณรอบๆ หรือคอนโดคู่แข่งที่อาจพึ่งเกิดขึ้น ที่จะมาให้เลือกกันอย่างมาก แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่จะสูงกว่าคนที่ซื้อ ช่วงพรีเซลส์ และยังเกลือห้องให้เลือกไม่มากนัก เพราะคนที่ซื้อช่วงพรีเซลส์ ก็จะเลือกห้องในมุมที่สวยๆ ไปหมด เพราะฉะนั้นจะให้ดีควรซื้อในช่วงพรีเซลส์ เพราะได้ราคาที่ต่ำกว่าและยังได้เลือกห้องที่ต้องการอีกด้วย เช่นเราต้องการจะซื้อ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ให้ได้ในแบบที่เป็น "คอนโดราคาถูก" สิ่งที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้นั้นคือการซื้อในช่วงพรีเซลส์ เพราะถ้าซื้อแบบพร้อมอยู่จะแพงมากเนื่องจากมีคนต้องการเยอะทำให้ราคาพุ่งขึ้น 10%-30% เลย เพราะฉะนั้นการที่จะซื้อ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ให้ได้ในแบบที่เป็น "คอนโดราคาถูก" นั้นก็มีแต่การซื้อในช่วงพรีเซลส์เท่านั้น แต่ถ้าคอนโดที่เราจะซื้อไม่ได้อยู่ใกล้อะไรที่สำคัญ หรือเป็นเขตที่มีคนไม่มาก คู่แข่งเยอะ ก็แนะนำว่าให้ซื้อแบบพร้อมอยู่จะดีกว่า
แต่การที่จะซื้อคอนโดในซื้อในช่วงพรีเซลส์ นั้นก็มีความเสี่ยงในการซื้อคอนโดมากมายรอรับ วันนี้ จึงได้ไปหาข้อมูลให้สำหรับคนที่จะซื้อคอนโดในช่วงพรีเซลส์ ได้ซื้อกันแบบปลอดภัย
1. ใบอนุญาตก่อสร้าง
โครงการนั้นต้องมีใบอนุญาตก่อสร้าง ถ้าไม่ไม่ควรเสี่ยงจองในซื้อในช่วงพรีเซลส์ เพพราะอาจทำให้โครงการเสร็จล่าช้ากว่าที่ตกลงหรืออาจก่อสร้างไม่เสร็จ
2. รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA
โครงการที่มีจำนวนห้อง 80 ยูนิตขึ้นไป หรือเขตก่อสร้าง 4,000 ตร.ม. ขึ้นไป จะต้องมีใบรายงาน EIA เพราะถ้าการก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการตรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA จะไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้ ซึ่งก็เคยมีหลายท ีที่เป็นแบบนั้นมาแล้ว กว่าจะตรวจผ่านก็ใช้เวลาเป็นปีปี กว่าจะสามารถอยู่ได้จริง ใบรายงานEIA จึงถือว่าสำคัญในการตรวจสอบก่อนจองในช่วงพรีเซลส์
3. โฉนดที่ดิน
การที่จะก่อสร้างในที่ดินหนึ่งๆ ได้นั้นต้องเป็นเจ้าของที่ดินนั้นๆ โดย โฉนด จะเป็นตัวบอกการเป็นเจ้าของ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้กับสำนักงานที่ดินที่โครงการนั้นตั้งอยู่
4. เขตที่ดิน
เป็นอีกสิ่งที่ควรตรวจสอบ เพราะถ้าขอบเขตของโครงการเราไม่ติดกับถนน สาธารณะแต่เป็นทางส่วนบุคคล จะต้องสอบถามโครงการว่าได้ทำการขอใช้ทางส่วนบุคคลนั้นเป็นทางเข้าออกของโครงการด้วยหรือไม่ เพื่อให้สะดวกในการเข้าออกคอนโดเมื่อสร้างเสร็จ
5. ชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบการ
โดยเราต้องแน่ใจว่าเจ้าของโครงการนั้นได้กรรมสิทธิ์ ในการก่อสร้างในที่ดินนั้นจริงหรือไม่ อาจเป็นนิติบุคคลหรือคนธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าเป็นนิติบุคคลต้องดูว่าได้จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ ทุนในการจดทะเบียนมีมูลค่าเทียบเท่ามูลค่าโครงการหรือไม่ โดยเรื่องเหลานี้สามารถตรวจสอบได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือกรมทะเบียนการค้า และก็ควรตรวจสอบประวัติผู้ประกอบการเช่นกัน ผลงานในอดีตเป็นยังไง ภาพพจน์ในวงการคอนโดเป็นยัง
ถ้าทำตาม 5ข้อนี้ ก็จะได้คอนโดที่ปลอดภัยอยู่ได้ แน่นอนคะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น