วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตดี๊ดี กับคอนโดติดรถไฟฟ้า

ชีวิตดี๊ดี กับคอนโดติดรถไฟฟ้า

ส่วนหนึ่งของภาพจาก aommoney.com


การที่เราจะเป็นเจ้าของคอนโดหรูๆ สักแห่งนั้น แาจฟังดูเป็นเรื่องใหญ่ และยุ่งยาก เพราะการไม่กล้าตัดสินใจ ที่เราได้ภาระเป็นหนี้ก้อนโต แต่ว่าด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของคนไทยนั้น ที่มักต้องการในความก้าวหน้าในการทำงาน และยังรักความอิสระ ยังชอบการท่องเที่ยว และก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดอีกด้วย การที่เราจะอยู่อาศัยใน“คอนโด”จึงจะเป็นทางออกและทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วในขณะนี้ แต่เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าเราจะซื้อคอนโดก็ยังไม่แน่ใจว่าเราเองต้องการ “คอนโดติดรถไฟฟ้า” หรือว่า “จะเป็นคอนโดใกล้บ้าน แต่ไกลเมืองถึงจะดี” เราจึงมีข้อแนะนำ 8 เหตุผลดี๊ดีของการมีชีวิตในคอนโดติดรถไฟฟ้ามาฝากกันค่ะ

ข้อ 1.เดินทางได้สะด๊วกสะดวก สบ๊ายสบาย ในการกำหนดค่าใช้จ่ายนั้นสามารถกำหนดได้ทุกจุดหมายปลายทางเลยค่ะ ไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไหนมาไหนก็แสนง่ายๆ แค่คุณเดินออกจากคอนโดและก็ขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อจะไปตามจุดหมายที่ได้คิดไว้ได้เลยค่ะ ด้วยที่ทุกวันนี้ค่าครองชีพนั้นก็พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณเลย แต่คุณก็ยังสามารถควบคุมรายจ่ายได้โดยไม่ห้ไม่ให้บานปลายค่ะ เพราะรถไฟฟ้านั้นมีบัตรรายเดือนที่จะช่วยให้ควบคุมค่าเดินทางในแต่ละวันได้ดีอีกด้วยค่ะ

ข้อ 2.ยิ้มง่ายขึ้นค่ะ บอกได้เลยว่าในทางสุขภาพจิตนั้นจะดีขึ้นแน่นอนค่ะ ทั้งคุณไม่ต้องทนหงุดหงิดกับเหล่าสภาพอากาศที่ร้อนหรือในวันที่ฝนตก และหรือแม้แต่การแออัดจากการจราจรที่แสนติดขัดด้วยและยังช่วยคุณย่นระยะเวลาในการเดินทางได้ดี โดยให้ถึงที่หมายได้เร็วขึ้นมากค่ะ มีเวลาพักผ่อนได้มากขึ้นอีกด้วย เมื่อมีเวลามากขึ้นแล้ว ความสุขย่อมเพิ่มขึ้นเองอัตโนมัติทันทีแน่นอนที่สุดค่ะ

ข้อ 3.มีปลอดภัยจากการจราจรบนถนนที่แสนจะอันตราย และไม่ต้องตบตีกับแท็กซี่จะปฏิเสธคุณ และไม่ต้องมาหงุดหงิดจากความร้อนในจุดที่รอแท็กซี่ โดยเรื่องทั้งหมดนี่จะหมดไป เพราะรถไฟฟ้านั้นไม่มีวันบอกปฏิเสธและอีกทั้งยังทำให้มั่นใจกับทุกการเดินทางของคุณว่าจะไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับการเดินทางด้วยยานพาหนะบนท้องถนนที่อาจอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังสามารถคำนวณเวลาในการเดินทางได้อีกด้วยค่ะ

ข้อ 4.จะเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะมีผลดีกับคุณแน่นอนเพราะราคาของคอนโดติดรถไฟฟ้านั้นย่อมจะมีราคาสูงหรือแพงกว่าคอนโดที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าแน่นอนอยู่แล้วค่ะนอกจากนี้หลังจากซื้อมาอาจมีการปรับตัวขึ้นด้วยซึ่งเมื่อเราเบื่อหรืออยากย้าก็สามารถปล่อยขายหรือปล่อยเช่าได้อีก เพราะโดยทั่วไปคอนโดมิเนียมในทำเลดีๆ สภาพอาคารดีๆ จะมีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มเฉลี่ยได้ปีละ 5-10% สูงกว่าทำเลที่ตั้งอื่นๆ มากเลยค่ะ

ข้อ 5.ไม่ต้องเป็นหนี้รถยนต์อีกด้วย เพราะหนี้รถยนต์นั้นคือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใดเลย หรือที่เรียกกันว่าหนี้สูญค่ะ แต่การซื้อคอนโดนั้น ถูกจัดว่าเป็นการก่อหนี้ที่ดีเพราะเป็นแบบก่อให้เกิดรายได้ค่ะ คือคุณนั้นสามารถปล่อยให้เช่า หรือหากวางแผนดีๆ ละก็ เงินค่าเช่าที่เก็บได้ในแต่ละเดือนนั้นจะนำส่งธนาคารแบบไม่ต้องเข้าเนื้อตัวเองเลยด้วยซ้ำ หรือ หากคุณมีจังหวะขายต่อก็ได้กำไรก้อนโตเลยที่เดียว

ข้อ 6.ล็อบบี้ที่หรูก็คือ home office ส่วนตัวค่ะ สามารถนัดหมายลูกค้ามาประกอบธุรกิจส่วนตัวได้ทุกเวลาหมดปัญหาในเรื่องสถานที่นัดหมาย เพราะคุณสามารถใช้ล็อบบี้สุดหรูที่คอนโดคุณเป็นสถานที่พบปะเพื่อนหรือลูกค้าก็ได้ เพื่อมาคุยธุระหรือคุยงานกันได้อย่างสะดวกแน่นอนค่ะ

ข้อ 7.สระว่ายน้ำลอยฟ้า ก็ถือเป็นอีกหนึ่งความฝันของใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช่ว่าทุกคอนโดนั้นจะมี แต่หากเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าราคาสูงละก็ ก็มักจะมาพร้อมสระว่ายน้ำลอยฟ้าด้วย ดังนั้นนอกจากจะใช้เป็นที่ออกกำลังกายที่ดีได้แล้ว ก็ยังสามารถมานั่งเพื่อผ่อนคลายอิริยาบทเพื่อเติมพลังใจพลังกายเพลิดเพลินกับการชมวิวทิวทัศน์เมือง หรืออาจจะใช้เป็นสถานที่ใช้ในการจัดกิจกรรมในกลุ่มเพื่อนหรืออาจจะใช้ต้อนรับแขกก็ไม่น้อยหน้าใครแน่นอนคะ

ข้อ 8.เป็นความปลอดภัยสำหรับชีวิตคนโสดแน่นอนค่ะ ก็จะลดความเสี่ยงเรื่องอันตรายจากการเดินทางได้ดี ในวันที่คุณนั้นต้องเลิกงานดึก หรืออาจเดินทางกลับบ้านในยามค่ำคืนนั้น การเดินทางโดยรถไฟฟ้านั้นจะช่วยย่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นอีก และจากทำเลที่ตั้งของคอนโด กับรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้เรามั่นใจได้ว่าการเดินทางครั้งนี้ปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ

สนใจ เช่าคอนโด

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ตกแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ในแบบสุดคุ้ม


ตกแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ในแบบสุดคุ้ม

ขอขอบคุณภาพจาก homedesign.homedd4u.com/
วันนี้จะขอเอาใจคุณผู้อ่านที่มีบ้านพักอาศัยเป็นทาวน์เฮ้าส์หรืบ้านทาวน์เฮ้าส์ค่ะ แล้วรู้สึกว่าการจัดบ้านไปๆมาๆ บ้านก็รกอีกแล้ว จะทำอย่างไรก็ดูจะมีพื้นที่ไม่เพียงพอกับการใช้งาน แถมยังจัดแล้วบ้านทาวน์เฮ้าส์ของเราจากที่มีพื้นที่จำกัดก็ยิ่งเล็กลงไปถนัดตาอีก เราจึงมีคำแนะนำในการจัดตกแต่งบ้านที่ให้ดูเป็นสัดส่วน และน่าอยู่ ใช้งานได้ครบถ้วนตามความต้องการ และทริกง่ายๆ ที่จะมาช่วยให้บ้านทาวน์เฮ้าส์ของคุณดูกว้างขึ้นอีกด้วยค่ะ
การแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ โดยเล่นกับแสงธรรมชาติ และการดึงแสงเข้ามาในสเปซ ที่ยิ่งถ้าให้แสงเข้าหน้าบ้านแล้ว ผ่านส่วนนั่งเล่น และยังทะลุถึงหลังบ้านได้ยิ่งดีเลยค่ะ เพราะยิ่งจะทำให้ห้องดูมีพื้นที่ไร้ขีดจำกัดมากขึ้น และดูไม่มีขอบเขตมากั้นมากนัก แต่อย่าเอาชั้นวางของใหญ่ๆ หรือการทำผนังมากั้นนะคะ และควรปล่อยให้ส่วนนั่งเล่นตรงกลางนี้เปิดโล่งไว้ ก็จะทำให้ดูไม่อึดอัดเมื่อเดินเข้าบ้านมา ใช้ในการจัดเฟอร์นิเจอร์ให้ดูเป็นสัดเป็นส่วนมาขึ้น ก็จะเป็นการกำหนดขอบเขตของส่วนที่นั่งเล่นนี้ได้เลยค่ะ เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ตัวเตี้ยๆ จะทำให้หลอกตาได้ว่าห้องนั้นดูกว้างขึ้น
การแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ เราไม่ควรใช้สีที่ตัดกันมากเกินไป และไม่ควรใช้สีจัดๆทาเน้นผนังด้านใดผนังด้านหนึ่ง แต่ก็สามารถเพิ่มความน่าสนใจได้โดยการเลือกทาสีที่ผนังในโทนสีเดียวกันค่ะ แต่สีเข้มสีอ่อนต่างกัน และถ้าอยากได้สีที่ตัดกันจริงๆ ก็อนุญาตให้ใช้ได้ในส่วนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเล็กคะ หรืออาจเป็นหมอนบนโซฟาเท่านั้นนะคะ รวมถึงการเลือกใช้อ่อนๆสว่างๆ จะต้องเหมาะสมกับการตกแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์มากค่ะ พยายามอย่าใช้สีเข้มด้วยนะคะ
การแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีดูแล้วมีขนาดเล็ก และอย่าเลือกอันที่ขนาดใหญ่โดยไม่จำเป็นเกินไป เช่นชั้นวางของกควรเลือกแบบที่ผอมบางซักหน่อย และควรเลือกใช้ฟูกหรือโซฟาให้เข้ามุมแทนโซฟาลอยตัวค่ะ ชั้นวางทีวีก็แบบเตี้ยๆ หรือถ้าจะให้ประหยัดเนื้อที่สุดๆ ก็จะใช้ทีวีติดผนังไปเลยก็ได้ค่ะ
การแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ แบบถ้ายิ่งน้อยยิ่งดี คุณควรโละของใช้ที่ไม่มีความจำเป็นออกไป และควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นและคุณชอบจริงๆเอาไว้ อย่าวางเฟอร์นิเจอร์ในทุกมุมของห้อง เพราะจะทำให้ห้องมัรดูแน่นเกินไป นอกจากจะไม่รู้สึกสบายตาแล้ว พื้นที่ในการใช้สอยอาจจะจะไม่พออีกด้วย ถ้าอยากได้ที่เก็บของเยอะๆละก็ คุณก็สามารถบิ้วท์ชั้นติดผนังแบบสูงถึงเพดานก็ได้ ถ้ามีบานปิดเรียบตลอดแนวกันก็สามารถหลอกว่าเป็นผนังได้เช่นกัน และทำให้ไม่ดูรกตาอีกด้วยค่ะ
การแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์ แบบลวงตาด้วยกระจกบานใหญ่ ที่ไม่ว่าจะบิ้วท์ให้เป็นผนังกระจกเบาหรือจะตั้งกระจกบานใหญ่แบบลอยตัวไว้ ก็จะสามารถช่วยหลอกตาให้บ้านทาวน์เฮ้าส์ของคุณกว้างขึ้น แถมยังจะสะท้อนแสงและทำให้บ้านทาวน์เฮ้าส์ของคุณสว่างขึ้นด้วย แต่จะขอย้ำว่ากระจกต้องเป็นบานใหญ่เท่านั้นนะคะ เพราะว่ามันจะช่วยขยายสเกลผนังให้ดูแล้วกว้างใหญ่ขึ้น ซึ่งรวมถึงภาพที่ติดผนัง หรือแม้แต่แนวผ้าม่านติดกระจก ก็จะให้เลือกใช้ขนาดเว่อร์ๆไปเลยละค่ะ
การแต่งบ้านทาวน์เฮ้าส์นั้น ส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นเรื่องของการแก้ไขข้อบกพร่องของพื้นที่ที่เรามีอย่างจำกัด ซึ่งในที่นี้ก็คือการแก้ไขบ้านที่พอมีพื้นที่จำกัดอย่างบ้านทาวน์เฮ้าส์ แต่ในขณะเดียวกันอย่ากลัวว่าที่จะตกแต่งบ้านด้วยสิ่งของที่คุณชอบใจเท่านั้น แค่เลือกใช้ในปริมาณและใยนสัดส่วนที่พอเหมาะ เพราะอะไรๆก็มักมีทางออกที่ลงตัวเสมอค่ะ

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การปลูกต้นไม่ในบ้านทาวน์เฮ้าส์

ข้อควรระวัง การปลูกต้นไม่ในบ้านทาว์เฮ้าส์

การที่เรานั้นจะปลูกต้นไม้สักต้นไม่หนึ่งในบ้าวทาวน์เฮ้าส์ของเรานั้นใช่เรื่องง่ายเลยค่ะ เพราะมันไม่ได้เป็นแค่การที่เราเดินไปร้านต้นไม้แล้วก็จะชี้ๆๆ จ่ายตัง ยกกลับมาบ้านเท่านั้น ถ้าแค่นี้ละก็ มีหวังว่าต้นไม้ที่เราซื้อมาคงจะมีชีวิตอยู่ไม่น่าจะเกินอาทิตย์ได้ละมั้งค่ะ วันนี้จึงได้นำข้อควรระวังรวมถึงการเตรียมตัวสำหรับการที่เราจะเริ่มปลูกต้นไม้ในบ้านมาฝากกันค่ะ

ขอบคุณภาพสวยๆจาก pantip.com/topic/31414301
ข้อ 1. มองหาที่ที่จะเตรียมจัดวางต้นไม้ เพราะเรานั้นไม่ควรซื้อต้นไม้แค่เห็นแล้วชอบเท่านั้น แต่ควรจะมองหรืออาจจะมีการจัดการเคลียร์พื้นที่เพื่อที่สำหรับการปลูกต้นไม้ไว้ก่อนที่จะซื้อต้นไม้ เพื่อให้เวลาซื้อต้นไม้มา เราจะได้ซื้อได้ถูกกับพื้นที่ที่เตรียมไว้เป็นในร่ม หรือกลางแจ้ง ต้นไม้ที่เลือกก็ต้องดูว่าเป็นต้นไม้ที่ชอบแสงแดดหรืไม่และเหมากับอย่างไหน หรือแม้กระทั่งใช้วางหรือแขวนด้วย เพราะต้นไม้ที่เลือกนั้นก็จะต่างกันออกไป เช่น ต้นลิปสติกแดงจะเป็นไม้เลื้อย และจะสามารถจัดใส่กระถางแขวนตกแต่งได้ดีค่ะ
ข้อ 2. เมื่อเตรียมพื้นที่เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การที่เราจะเลือกหาสถานที่ซื้อต้นไม้ และขอแนะนำนะคะ ว่าควรซื้อจากร้านที่ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือ หรืออาจจะจากสวนโดยตรงเลยยิ่งดีค่ะ อย่าซื้อต้นไม้เพราะเห็นแก่ว่าราคาถูก เป็นอันขาดเลย ควรเลือกซื้อโดยเริ่มพิจารณาจากต้นไม้ที่ไม่มีตำหนิ หรือไม่มีรอยช้ำ เพราะกว่าเราจะนำกลับมาบ้านและนำลงกระถางได้นั้นจะทำให้ต้นไม้นั้นตายได้ง่ายมากค่ะ แต่ถ้าหากว่าเป็นไม้ดอกเราควรเลือกต้นที่มีดอกตูมเต็มที่แต่ยังไม่บาน เพราะเมื่อเรานำมาปลูกแล้ว เราก็จะเห็นดอกบานสวยๆ แต่ถ้าเป็นต้นที่มีดอกบานอยู่แล้ว เมื่อเรานำกลับมาปลูกดอกนั้นก็จะเริ่มแห้งเหี่ยวค่ะ
ข้อ 3. หากการซื้อต้นไม้ในครั้งนี้เป็นครั้งแรกของคุณละก็ คุณควรเลือกต้นไม้ที่ทนทานการดูแลนิดหนึ่งค่ะ ตายยากหน่อยก็จัดี จะได้เป็นกำลังใจในการปลูกต้นอื่นๆ ต่อไปค่ะ เมื่อได้ต้นไม้มาแล้วคุณควรที่จะศึกษาด้วยว่าต้นไม้นี้นั้นจะต้องดูแลอย่างไร และจะต้องรู้ตั้งแต่ว่าดินที่คุณควรใช้ปลูกจะต้องเป็นดินประเภทไหนจะดี ต้นไม้นี้ชอบแสงแดดจัดหรือแบบรำไร การรดน้ำจะต้องรดมาก และรดทุกวัน หรือรดน้อย 3 วันรดต่อครั้ง รวมไปถึงการให้ปุ๋ยด้วยค่ะ
ข้อ 4. เมื่อย้ายที่อยู่ให้ต้นไม้แล้ว สิ่งที่ควรจะระวังเป็นอย่างยิ่งคือ ควรจะขนในเวลาเช้า หรือในตอนเย็น และควรใช้รถขนที่มีหลังคาค่ะ หรืออาจเป็นตาข่ายสำหรับบังลมและแดดก็ได้ ควรยึดต้นหรือผูกต้นไม้ใว้กับรถหรือที่ยึดให้ดี เพื่อไม่ให้ต้นไม้ล้ม หรือ ตะแคงค่ะ และเมื่อถึงที่หมายดีแล้วคุณควรวางต้นไม้พักไว้เฉยๆ ก่อน สักพัก เพื่อปรับสภาพภูมิอากาศ ให้กับต้นไม้ จากนั้นจึงค่อยรดน้ำนะคะ และย้ายต่อไปได้นะคะ
ข้อ 5. สิ่งที่ต้องระวังของสถานที่ในการตั้ง คุณไม่ควรตั้งกระถางต้นไม้ในที่ที่ลมพัดแรงๆ ค่ะ หรือในสถานที่ที่มีไอร้อน คุณควรวางต้นไม้ตามความต้องการแสงของแต่ละต้น แต่หากต้องการแสงมากก็วางแถวๆ ประตูได้ หรือ ต้องการแสงน้อยด็วางใกล้หน้าต่าง ต้นไม้บางชนิดนั้นต้องการแค่แสงจากแสงไฟก็พอค่ะ เช่น ต้นเศรษฐีเรือนใน ค่ะ
ข้อ 6. ต้นไม้สับเปลี่ยน คุณควรมีต้นไม้สำหรับสับเปลี่ยนอย่างน้อย 2 ชุดนะค่ะ เมื่อวางต้นไม้ตามจุดต่างๆ แล้วปล่อยไว้ สักระยะหนึ่ง ต้นไม้เมื่ออยู่ในอาคารนานๆ ก็จะเริ่มโทรม คุณควรเปลี่ยนอีกชุด เพื่อให้ต้นไม้ชุดที่เริ่มโทรมนำไปรับอากาศดีๆและแดดรำไร เพื่อให้ฟื้นตัวค่ะ รวมถึงการให้ปุ๋ยด้วยค่ะ ควรให้ปุ๋ยทุก 3 เดือน หรือแล้วแต่ความต้องการของต้นไม้แต่ละชนิดค่ะ
ข้อ 7. การรดน้ำต้นไม้ ในการรดน้ำต้นก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณควรระวัง ตั้งแต่น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำที่ไม่ร้อน หรือเย็น จนเกินไป คุณควรรดน้ำในตอนเช้า หรือในตอนเย็นเท่านั้น และไม่ควรรดตอนแดดจัด คุณควรรดที่โคนต้น ไม่ควรรดตรงๆ กับดอก หรือ ใบ แต่อันนี้แล้วแต่ความชอบน้ำของต้นไม้แต่ละชนิดด้วย บางชนิดต้องรดที่โคนต้นเท่านั้น หรือที่ดินเท่านั้น แต่ในขณะที่บางต้นให้ใช้กระถางแช่ลงในอ่างน้ำได้เลยเพื่อให้น้ำซึมขึ้นมา และเพื่อไม่ให้ดินแฉะเกินไป หรืออาจให้ต้นไม้รับน้ำโดยตรงก็แล้วแต่ชนิดต่างๆค่ะ
ข้อ 8. ทำหลักให้กับต้นไม้ได้ยึดเกาะ หากต้นไม้ที่คุณนำมาปลูกนั้นยังมีอายุน้อย ลำต้นก็จะมีความอ่อนตัวและยืดหยุ่นสูงด้วยดังนั้นการทำหลักให้ยึดเกาะก็จะช่วยจัดทรงของต้นไม้ให้ดูดีและสวยขึ้นด้วยค่ะ แต่ก็ควรระวังไม่ให้หลักปักโดนรากของต้นไม้ด้วยเช่นกันค่ะ
ข้อ 9. การดูแลรักษา จะเริ่มตั้งแต่ การตัดแต่งกิ่งให้ได้พุ่มสวยงาม หรือขนาดตามต้องการและยังเป็นการช่วยไม่ให้ต้นไม้รกเกินไปอีกด้วยเพราะถ้าหากบริเวณที่ปลูกต้นไม้รกเกินไปอาจเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานต่างๆได้ค่ะ และควรห้ามใช้ยาปราบศัตรูพืชกับต้นไม้ในอาคารด้วยค่ะ เพราะยานั้นก็จะระเหยอยู่ภายในอาคารของคุณ ทำให้เราจะเป็นผู้สูดดมมากว่าแมลงอีกค่ะ
ข้อ 10. สังเกตุความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของต้นไม้ ในการที่ต้นไม้แต่ละต้นจะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นั้น มันจะเป็นเครื่องวัดความอุดมสมบูรณ์ของตนไม้ได้อีกด้วยค่ะว่า ที่เราให้ปุ๋ย แะรดน้ำนั้นเหมาะแก่เค้าหรือไม่ ลองสังเกตุดูนะคะ โดยการสังเกตุก็จะมีประมาณนี้คะ
- ต้นไม้นั้นเอียงไปด้านหนึ่ง คือ การที่ต้นไม้รับแสงเพียงด้านเดียวค่ะ วิธีแก้ไข หันอีกด้านของต้นไม้ให้โดแสง หรือคอยหมุนกระถางก็ได้
- ต้นไม้นั้นเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว คือ อาจจะได้รับปุ๋ยมากเกินไป วิธีแก้ไข ลดปริมาณการให้ปุ๋ยให้น้อยลงคะ
- บริเวณขอบใบเป็นสีเหลือง แล้วค่อยๆ เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และก้านก็ค่อยๆ แห้งไป นั้นคือการที่ต้นไม้ขาดน้ำ หรือ อาจน้ำน้อยเกินไป วิธีแก้ไข รดน้ำให้เพียงพอเหมาะสม และสม่ำเสมอ
- บริเวณขอบใบเป็นสีน้ำตาล โคนใบนั้นเริ่มเป็นสีเหลืองแล้วหลุดร่วงง่าย คือ อาการที่ต้นไม้นั้นได้น้ำมากจนเกินไป วิธีแก้ไข จะต้องลดปริมาณน้ำลง และคุณควรพรวนดินให้ร่วน เนื่องจากดินในบางจุดอาจแข็งและทำให้น้ำไม่ซึ่มผ่านค่ะ
- ใบเริ่มมีสีเหลือง แต่กิ่งก้านยังเป็นสีเขียว ยอดใบแคระแกรน คือ อาการที่ต้นไม้ขาดปุ๋ย วิธีแก้ไข ควรใส่ปุ๋ย แต่ควรต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะด้วยค่ะ

ข้อดีของการซื้อคอนโดที่สร้างเสร็จแล้ว

ข้อดีของการซื้อ คอนโดติดรถไฟฟ้า ที่สร้างเสร็จแล้ว


คอนโดติดรถไฟฟ้า

การซื้อบ้านหรือคอนโดนั้น นับว่าเป็นทรัพย์สินที่จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่มาก และยิ่งหากเป็นโครงการใหม่ที่ยังทำการก่อสร้างไม่เสร็จ โดยผู้ซื้อนั้นจะต้องวางเงินจองไปทั้งๆที่เรายังไม่ได้เห็นของจริง นับว่ามันเป็นความเสี่ยงสูงหากโครงการพวกนั้นๆสร้างไม่เสร็จตามที่ระบุได้เอาไว้ ทั้งระยะเวลาและรวมถึงความสมบูรณ์แบบของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หรือในบางโครงการอาจจะถูกระงับกลางคันเนื่องจากไม่ผ่าน EIA และทำให้เกิดเป็นปัญหาฟ้องร้องกันในภายหลัง

หากในตอนนี้หลายท่านกำลังสำรวจโครงการเพื่อทำการเปรียบเทียบ การได้เข้าไปดูโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว และได้เห็นของจริงนั้นจะช่วยให้การตัดสินใจเร็วขึ้น และยังทำให้เกิดผลประโยชน์กันทั้ง 2 ฝ่าย คือ ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ทำให้ผู้ที่ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายได้เริ่มหันมาใช้กลยุทธ์ “โครงการสร้างเสร็จก่อนขาย” เพื่อปิดช่องว่างของความกังวลของผู้ซื้อที่กลัวว่าอาจจะไม่ได้คอนโด ตามที่ได้โฆษณาเอาไว้ ไม่เพียงแค่จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อเท่านั้น การทำแบบนี้ยังแต่ยังส่งผลดีกับผู้ประกอบการอีกด้วย โดย “จะเป็นการช่วยลดงบการตลาดและยังลดปัญหาลูกค้าที่กู้ไม่ผ่านได้ดี เนื่องจากการซื้อโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนนั้น ลูกค้าจะต้องมีความพร้อมทางการเงินเท่านั้น” อีกทั้งยังจะเป็นการเสนอ supply ที่สนองตอบ demand ของในตลาดที่แท้จริงได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่ซื้อนั้นเราก็มักจะมองว่าการเลือกซื้อโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่นั้น มีข้อได้เปรียบมากกว่าโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งลองนับข้อดีก็ได้ถึง 6 ข้อดังนี้

ข้อ 1. ซื้อแล้วเข้าอยู่ได้เลย
      นับเป็นข้อที่ได้เปรียบที่เด่นที่สุดของการซื้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่เลยก็ว่าได้ คือเราไม่ต้องรอสร้างเสร็จแล้วค่อยโอนกรรมสิทธิ์ แต่พอผู้ซื้อสามารถจ่ายเงินแล้วเข้าอยู่ได้ในทันที และไม่ต้องปวดหัวกับการที่โครงการก่อสร้างล่าช้า เร่งโอนกรรมสิทธิ์ทั้งๆ ที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จดี และไม่ต้องคอยกังวลว่าโครงการนั้นจะเสร็จทันตามกำหนดหรือไม่ รวมถึงผู้ซื้อสามารถตรวจสอบจนพอใจก่อนตัดสินใจซื้อได้อีกด้วย

ข้อ 2. การประมาณต้นทุนทางการเงินส่วนบุคคลให้ได้ชัดเจน
    ข้อที่ดีสำหรับการรู้ราคาคอนโด ณ ขณะที่จะซื้อที่แน่ชัด คือเราสามารถประมาณการต้นทุนทางการเงินได้เอง โดยเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ เพราะถ้าหากเป็นโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จดี การที่เราจะวางเงินจองไปก่นแล้วแต่ก็ยังไม่ได้โอนหรือเราจ่ายเงินเป็นก้อนในทันที เมื่อเรานั้นต้องการไปขอสินเชื่อในอีก 2-3 ปีข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อาจจะไม่ใช่เรทดอกเบี้ยเดิมที่เคยประมาณการเอาไว้ก็ได้ 

ข้อ 3. โปรโมชันแรงและดีกว่า
     ส่วนใหญ่แล้วโครงการ “คอนโดพร้อมอยู่” มักจะมีโปรโมชันที่ดีกว่าและแรงกว่า “คอนโดรอสร้าง” เพราะเมื่อสร้างคอนโดเสร็จ ด้วยกลไกทางการตลาด จะทำให้ผู้ประกอบการต้องการที่จะขายสินค้าให้เร็วที่สุด นั้นจะทำให้ในบางครั้งผู้ซื้อได้มีอำนาจต่อรองที่ค่อนข้างสูงกว่า ทั้งโปรโมชันที่แถมเฟอร์นิเจอร์, หรือฟรีค่าโอนฯ, แม้แต่ฟรีค่าจดจำนอง เพราะโครงการสร้างเสร็จจะเหมาะกับผู้ที่มีความพร้อมทางด้านการเงินหรือผู้ที่มีกำลังซื้อจริงๆ ณ เวลานั้น เนื่องจากจะเป็นการวางเงินจองและโอนกรรมสิทธิ์ได้เลยทันที ไม่ต้องมีการจ่ายเงินดาวน์เพื่อรอโครงการสร้างเสร็จ ดังนั้นโครงการจึงได้ออกโปรโมชันเพื่อลดภาระและค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อในบางส่วน เช่น ถ้าสามารถกู้ได้ 100% หรือ ฟรีค่าส่วนกลางได้ 1-3 ปี เป็นต้น

ข้อ 4. เปรียบเทียบคู่แข่งได้ชัดเจน
      โดยปกติแล้วก่อนที่ผู้ซื้อจะตัดสินใจจะซื้อ ย่อมต้องสำรวจตลาดและโครงการในบริเวณนั้นโดยรอบ เพื่อเป็นการเปรียบเทียบทั้งด้านราคาและตัวสินค้าด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะได้เห็นกันแค่เพียง “ห้องตัวอย่าง” หรืออาจเป็นแค่ “ภาพจำลอง” เท่านั้น ทำให้การเปรียบเทียบและการตัดสินใจนั้นทำได้ด้ยากขึ้น ดังนั้นหากที่ดูเป็นสถานที่จริง สามารถสัมผัสได้จริง การเปรียบเทียบจะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนมากกว่า และจะทำให้การตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ซึ่งผู้ซื้อก็จะพอใจในสิ่งที่ได้เห็นในโครงการนั้นๆ

ข้อ 5. สาธารณูปโภคพร้อม ไม่ต้องจินตนาการตามโฆษณาในโบรชัวร์
   “ภาพบรรยากาศจำลอง” ที่ผู้ซื้อส่วนมากมักสงสัยกับคำนี้ ซึ่งนั้นก็คือภาพกราฟฟิคที่ได้จำลองภาพโครงการหลังสร้างเสร็จ และมันมักจะสวยเกินความเป็นจริงเสมอ ทำให้เมื่อโครงการได้สร้างเสร็จ บ้างก็เป็นเหมือนที่โฆษณาไว้ แต่ก็มีอีกมากก็ต่างจากใน “ภาพบรรยากาศจำลอง” อย่างฟ้ากับเหว การซื้อโครงการที่สร้างเสร็จแล้วนั้น สร้างความมั่นใจได้ว่า ผู้ซื้อนั้นจะได้คอนโดที่ท่ามกลางสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อมตามที่เป็นจริงและสัมผัสได้

ข้อ 6. ซื้อแล้วปล่อยเช่าได้ทันที 
        อันนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกใจนักลงทุนมากที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะคอนโดติดรถไฟฟ้า คงจะไม่มีนักลงทุนรายใดที่อยากจะจ่ายเงินลงทุนไปเรื่อยๆ โดยที่เรายังไม่มีรายรับเข้ามาเลย โดยเฉพาะนักลงทุนที่มักต้องการปล่อยเช่าระยะยาวด้วย หากซื้อโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จละก็ ช่วงที่รอการก่อสร้างเราต้องจ่ายเงินดาวน์ไปเรื่อยๆ รอจนกว่าโครงการนั้นจะสร้างเสร็จจึงจะสามารถปล่อยเช่าได้ ซึ่งนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใดใดหรือไม่มีผลตอบแทนนั่นเอง

สนใจ เช่าคอนโด

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 รอยร้าวของบ้านทาวน์เฮ้าส์ รู้ก่อนจะสายไป

10 รอยร้าวของบ้านทาวน์เฮ้าส์ รู้ก่อนจะสายไป


หลายๆ คนที่ซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์ใหม่อาจจะเคยเจอปัญหากวนใจมากมาย แต่ที่จะเจอได้บ่อยก็คงจะเป็น "รอยร้าว" ของผนังและเพดาน วันนี้ จึงจะขอนำแนวคิดดีๆ จากหนังสือ "ชนิดของรอยร้าว" ผู้จัดทำคือ "คณะอนุกรรมการคลินิกช่าง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์"คะ มาฝากให้พวกเราดูเพื่อความเข้าใจเบื้องต้น และรีบหาทางแก้ไขได้ทัน หรือซ่อมแซมกันต่อไปคะ โดยรอยร้าวนั้นแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มดังนี้
รอยร้าวที่เกิดจากจากวัสดุเสื่อมคุณภาพ
รอยร้าวที่เกิดจากจากโครงสร้างรับน้ำหนักบรรทุกเกินกำลัง
รอยร้าวที่เกิดจากจากการทรุดตัวจากฐานราก
รอยร้าวที่เกิดจากวัสดุเสื่อมคุณภาพ
ข้อ 1. รอยแตกลายงาที่ผนัง
จะเกิดจากปูนฉาบสูญเสียน้ำไป หรืออาจระเหยออกอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะอิฐก่อนั้นดูดซับน้ำมาก เพราะอุณหภูมิภายนอกสูง หรือทรายที่ผสมอยู่มีส่วนผสมของฝุ่นมากเกินไป จะทำให้ผนังเกิดการไม่ยึดตัวได้ และเกิดรอยแตกลายงาคะ รอยร้าวประเภทนี้จะไม่เกิดอันตรายใดกับตัวโครงสร้าง จึงจะมีผลแค่ด้านความสวยงามบนผนังคะ การซ่อมแซมให้ลองเคาะผนังเพื่อตรวจสอบถึงการยึดเกาะของปูน หากเคาะแล้วไม่ได้ยินเสียงทึบ ขอแนะนำให้สกัดและฉาบใหม่เลยคะ
ข้อ 2. รอยแตกร้าวจนถึงเหล็กเสริม
จะเกิดจากเหล็กเสริมเป็นสนิม หรืออาจเป็นเพราะคอนกรีตหุ้มเหล็กเสริมหนาน้อยมากเกินไป หรืออยู่ในสภาพที่ชุ่มน้ำ และแห้งสลับกันบ่อยๆ หรืออาจเป็นเพราะคุณภาพของคอนกรีตไม่ได้มาตรฐานที่กำหนดไว้ หากเกิดรอยร้าวประเภทนี้ ควรรีบติดต่อวิศวกรเพื่อมาตรวจสอบคะ เพราะจะมีผลต่อโครงสร้างอาคาร และอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้นั้นเองคะ
รอยร้าวเนื่องจากโครงสร้างรับน้ำหนักบรรทุกเกินกำลัง
ข้อ 3. รอยแตกร้าวช่วงกลางคาน
รอยร้าวนี้จะเกิดขึ้นช่วงใต้ท้องคาน หรือคือบริเวณช่วงกึ่งกลางความยาวมีจะลักษณะเป็นรูปตัวยู คือจะแตกจากด้านล่าง และต่อเนื่องในแนวดิ่งทั้งสองด้านเลยคะ โดยรอยแตกด้านล่างจะยาวกว่าด้านข้างคะ และเมื่อแอ่นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ รอยร้าวจะเกิดเพิ่มขึ้นเป็นหลายแนวที่มักจะขนานกัน มีลักษณะเป็นปล้องๆ และจะเพิ่มเป็นคู่ๆ ขนาบรอบรอยแตกที่เกิดเริ่มแรกะ หากเราพบรอยร้าวลักษณะนี้ ให้รีบย้ายสิ่งของที่อยู่เหนือบริเวณรอยร้าวออกมาโดยเร็วที่สุดเพื่อที่ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุคะ
ข้อ 4. รอยแตกร้าวปลายคาน
รอยร้าวนี้จะเริ่มเกิดขึ้นที่ด้านบน และจะแตกร้าวลงด้านข้างของคาน ซึ่งอาจจะเป็นได้ทั้งแนวดิ่งและแนวเฉียงก็ได้ นอกจากนี้ มันยังอาจมีการแตกร้าวในที่มีลักษณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งด้วยเช่นกัน ซึ่งทั่วไปรอยร้าวที่ปลายคาน มักจะเกิดขึ้นภายหลังจากเกิดรอยร้าวที่กลางคานแล้ว
ข้อ 5. รอยร้าวท้องพื้นชนิดเสริมเหล็กทั้งสองทาง
หากเพดานที่ไม่มีคาน รอยร้าวอาจจะเกิดขึ้นได้ที่เพดานช่วงกลางคะ และจะร้าวเฉียงบริเวณกึ่งกลางเพดานเข้าหามาหาเสามุมทั้ง 4 มุม อาจเกิดให้เห็นทั้ง 4 รอยหรือน้อยกว่าก็ได้
ข้อ 6. รอยร้าวท้องพื้นชนิดเหล็กเสริมทางเดียว
รอยร้าวที่จะเกิดขึ้นบริเวณกลางเพดาน ซึ่วเป็นเส้นตั้งฉากกับแนวเหล็กเสริมเพดาน คะ
ข้อ 7. รอยร้าวขอบพื้นด้านบน
เมื่อพื้นเริ่มแอ่นตัวเพราะรับน้ำหนักเกินกำลัง มักจะเกิดรอยร้าวที่พื้นบริเวณขอบคานทั้ง 4 ด้านและที่มุมเสาด้วยคะ รอยร้าวดังกล่าวนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลยคะ หากเจอรอยร้าวแบบนี้ ควรรีบเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนักทั้งหมดมาออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วที่สุด
รอยร้าวที่้เกิดจากการทรุดตัวของฐานราก
ข้อ 8. รอยแตกร้าวนี้จะเป็นแนวเฉียงบริเวณกลางผนัง
อาจเจะกิดขึ้นหลายเส้นขนานกันคะ โดยรอยแตกนั้นแต่ละเส้นจะมีความกว้างตรงกลางเส้นมากกว่าที่ปลายคะ จากนั้นจะกว้างและยาวขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฐานรากไม่มั่นคงและยังคงทรุดตัวต่ออย่างเนื่อง หากลากเส้นตั้งฉากกับรอยแตกร้าวแล้ว ปลายเส้นด้านชี้ลงดินจะเป็นตัวชี้ว่าให้ว่า ฐานรากด้านนั้นได้เกิดการทรุดตัว สาเหตุอาจจะเกิดจากการทรุดตัวของฐานรากคะ เราควรรีบติดต่อผู้เชี่ยวชาญให้รีบแก้ไขโดยเร่งด่วนคะ
ข้อ 9. รอยร้าวที่ผิวบนของพื้นบริเวณคาน
รอยร้าวประเภทนี้นั้น มักจะอยู่บนบริเวณพื้นโดยและจะเกิดเพียงด้านใดด้านหนึ่ง โดยรอยแตกจะขนานกับแนวยาวของคาน สาเหตุนั้นเกิดจากฐานรองรับเสาด้านตรงข้ามเกิดทรุดตัวคะ ควรรีบหาวิธีแก้ไขโดยด่วนคะ
ข้อ 10. รอยร้าวที่เสา
เสาต้นที่วางอยู่บนของฐานรากที่ทรุดตัวน้อย หรือไม่ทรุดตัวเลยนั้น จะถูกดึงรั้งจากฐานรากที่ทรุดตัวลงมากจนเกิดการโก่งงอได้ และจะเกิดรอยร้าวแนวนอนหลายแนวในเวลาต่อมาด้วย โดยมีลักษณะคล้ายไม้บรรทัดพลาสติกที่ได้ถูกดัดให้โค้งงอ ด้านหนึ่งนั้นจะแตกเป็นปล้องๆได้คะ แนวนอนในลักษณะเดียวกันคะ และโดยทั่วไป เสาที่จะวางบนฐานรากที่ทรุดตัวจะไม่แตกร้าว จะทำให้สามารถวิเคราะห์หาตำแหน่งของฐานรากที่ทรุดตัวลงได้
สุดท้ายนี้ ก็จะขอคำแนะนำอย่างหนึ่งของคณะอนุกรรมการคลินิกช่างนั้นก็คือคือ เมื่อพบรอยร้าวในอาคารก็ยังไม่จำเป็นต้องรีบซ่อมทันทีได้ โดยให้เราทำการติดตามตรวจสอบรอยร้าวดังกล่าวว่า มีความยาว หรือความกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ หากพบว่ามีความยาวเพิ่ม และความกว้างเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ก็จะถือว่าเป็นสัญญาณอันตรายแล้ว ให้ทำการนีบแจ้งวิศวกรเข้ามาตรวจสอบปัญหา และแก้ไขโดยเร็วที่สุดได้เลย ดังนั้น ไม่ว่าเราจะพบรอยร้าวประเภทไหนก็ควรจะศึกษาหาต้นเหตุไว่กก่อน และเรากจะสามารถแก้ไขได้คะ เพื่อจได้ทำให้บ้านทาวน์เฮ้าส์จะได้อยู่กับเราต่อไปนานๆ คะ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คิดให้ดีก่อนจะเช่าคอนโด!!!


คิดให้ดีก่อนจะเช่าคอนโด  หรือคอนโดติดไฟฟ้า!!!

ริวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าส์ ขอขอบคุณภาพจาก theagent.co.th


การคิดที่จะทำการเช่าห้องพักหรือเช่าห้องคอนโดนั้น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ เพราะการเช่าห้องพักหรือเช่าคอนโดนั้นถือเป็นเรื่องที่จะทำให้เราสะดวกสะบายในหลายๆ อย่าง เช่นการเดิน ทาง เราะสามารถเช่าคอนดดใกล้สถานที่ทำงานหรือเรียนของเราได้ เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีเงินก้อนใหญ่หรืองานสำคัญที่ได้เงินมากๆ เพราะการเช่าคอนโดนั้นเราไม่ต้องจ่ายเงินเยอะเหมือนซื้อ และถ้าแยากย้ายก็ไม่ต้องมาเสียดายถ้าซื้อไปแล้ว จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่งเลย สำหรับคนที่กำลังหาที่อยู่ ในตอนนี้ 


แต่ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีเท่านั้น วันนี้เลยได้ลองตั้งกระทู้ อยากให้ลองคิดกันก่อนที่จะเช่าคอนโดในราคาที่ค่อนข้าแพงต่อเดือน ซึ่งในบางที่อาจแพงจนเกินไป ไม่เหมาะสม เราเลยอยากจะมานำเสนอวิธีในการเลือกเช่าว่ามความเหมาะสมกับราคาหรือไม่ และควรเช่าแบบใหนจะมีความคุ้มค่ามากที่สุด โดยเราได้แยกมาเป็นข้อๆ ตามนี้
1 ทำเล
ทำเลเป็นสิ่งที่เราควรคิดเป็นอย่างแรก ๆ เพราะคนที่ต้องการจะเช่าคอนโดส่วนใหญ่ จะมีความต้องการในการเดินทางที่สะดวกจึงเลือกเช่าคอนโดที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพฯ นี้ซึ่งมันก็มีให้เช่ามากมายหลายแบบ ตามแต่ความต้องการของเราเลยก็ว่าได้ แต่ ในบางครั้งทำเลที่เราจะเช่านั้นก็จะมีราคาที่ค่อนข้างแพง เพราะอยู่ในเขตที่มีความเจริญ พวก คนโดติดรถไฟฟ้า สายต่างๆ เป็นต้น จะมีราคาที่แพงมาก เกินความจำเป็น เราก็ควนหลีกเลี่ยงเขตเหล่านั้น ให้บามาใกล้ขึ้นสัก 800 ม. เพาะคอนโดที่ไกลออกมานิดหน่อยก็จะมีค่าเช่าที่ถูกลงมากพอสมควร เราควรสำรวจเส็นทางให้ดีว่าในเวลาเช้าและเย็นการจราจรเป็นยังไง รถติดมากมั้ย มีรถเมวิงผ่านเยอะมั้ย หรืออาจใช้รถอื่นในการเดินทางได้มั้ย เช่น มอไซวิน หรือ ตุ๊กตุ๊ก นั้นเอง ก็จะทำให้เราได้ทางเลือกใหม่ๆ ที่อาจใช้เวลาเดนทางเท่ากับคอนโดใกล้ๆ แต่ราคาต่างกันอย่างมาก ก็ได้คะ

2 ที่จอดรถ
หาเราเป็นคนที่มีรถใช้ในการเดินทาง ก็เป็นอีกเรื่องที่จะต้องดู เพราะรถของเรานั้นจะต้องจอดในคอนโดให้ได้ ไม่สมควรไปหาที่จอดด้านนอกเอง หรือเสียค่าบริการจอดรถเพิ่มจากภายนอก เราจึงจะควรศึกษาที่จอดรถให้ดีว่ามีมากพอมั้ย สามารถจอดได้กี่คน และในทุกๆ  วันมีจอดประมาณกี่คน เพื่อเป็นตัวเลือกในการที่เราจะเช่าคอนดดนั้นอีกทางหนึ่งคะ

3 สภาพแวดล้อมดี
รอบๆ คอนโดของเราไม่ควรจะ แหล่งมัวซุมหรือ ทางเปรียว เพราะการทำงานนั้นอาจมีบางวันที่เราต้องกลับดึก กรรเดินทางกลับนั้นควรจะปลอดภัย ทำให้เราอุ่นใจ นอกจากนี้ควรจะมีส่วนสาธราณะเป็นสถานที่พักผ่อน ไม่ใกล้กับสิ่งที่มีเสียงดังในกรณีที่เราอยู่ห้องไม่สูงนั้นเอง เพื่อให้เราได้พักผ่อนหลังจากทำงานให้เต็มที่คะ

4 รายละเอียดเกี่ยวกับคอนโด
ควรหาข้อมูลของคอนโดที่เราจะเช่าว่า เคยมีประวัติความเป็นมาอย่างไร เคยเกิดอะไรขึ้นบ้าง และคนอที่พักอาศัยยังอยู่อาศัยกันจริงมั้ย มีระบบรักษาความปลอดภัยดีมั้ย เคยเกิดคดีอะไรมั้ย เพราะการที่เราจะอยู่ไดเอย่างสบายใจเราควรมั่นใจแล้วว่าคอนโดที่เร่าจะเช่านั้นมีความปลอดภัยมาก พอที่เราจะไว้ใจได้ และไม่เคยมีประวัติไม่ดีในด้านต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือก และเป็นการระวังภัยให้ตนเอง

5 เช็คบิลต่างๆ 
ควรจะถามหรือดูให้แน่ใจว่าบิลต่างๆ ของห้องได้ถูกชำระแล้วจริง ไม่ใช่มาให้เราชำระหลังจากมาเช่า โดยที่เราไม่ได้ใช้งาน เช่นบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เนต เป็นต้น เพราะของเราหล่านี้บางครั้งอาจมีการค้างชำระจ่ายของงวดก่อนเรา และมาให้เราเป็นคนรับผิดชอบต่อโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไร เราจึงควรเช็คให้ดีก่อนว่าบิลนั้นได้ชำระครบถ้วนดีแล้วหรือไม่

6 ค่าเช่าเหมาะสม
นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ค่าเช่านั้นควรจะเเหมาะสมกับสถานที่ตั้ง และสภาพของห้องที่จะเช่า โดนในเรื่องนี้เราจะสามารถเช็คได้จากราคาของการเช่าคอนโดในเขตใกล้เคียง หรืออาจเช็คจากบ้านเช่ารอบๆ และอพาตเม้นว่า การเช่าคอนโดของเรานั้นคุ้มจริงหรือไม ไม่ควรคิดเองว่าคุ้มแต่ควรสำรวจราคารอบๆ เพื่อความแน่ใจ ซึ่งบางครั้งในขณะที่สำรวจเราก็จะได้เจอกับคอนโดที่ดีกว่าหรือบ้านเช่าที่ราคาต่ำก็ได้

7 กฏระเบียบคอนโด
เราควรจะสอบถามเรื่องนี้ด้วย ว่าคอนโดนี้มีกฏระเบียบอย่างเไร เช่นการเลี้ยงสัตว์ ในหลายๆ คอนอาจเป็นคนชอเลี้ยงสัตว์และต้องการนำสัตว์ที่เรารักไปเลี้ยงด้วยแต่กับเป็นว่าไม่สามารถเลี้ยงได้ จึงทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เพราะเมื่อเราทำสัญญาเช่าแล้วก็จะต้องอยู่ให้ครบก่อน เมื่อจะย้ายก็ไม่ได้สัตว์ที่เราเลี้ยวงก็เอามาด้วยไม่ได้ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ เราจึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนจะทำสัญญาเช่า ถึงกฏระเบียบต่างๆ 

8 พิจารณาสัญญาเช่าก่อนเซ็น
ก่อนที่จะลงมือเซ็นสัญญาอะไรก็แล้วแต่ที่เกกี่ยวเนื่องกับการเช่าคอนโดควรอ่านให้ดีก่อนว่ามีอะไรที่เกินกว่าที่ตกลงกันไว้หรือไม่ หรือมีอะไรที่สัญญาเขียนไม่ชัดเจนก็ควรสอบถามให้เข้าใจเพื่อเป็นการตรวจสอบความแน่ใจว่าจะไม่ถูกโกงหรืออาจเป็นการเตรียมพร้อมต่างๆ เช่น ในสัญญาอาจจะต้องจ่าค่าอะไรเพิ่มในแต่ละเดือนเอง ถ้าเราไม่อ่านอาจะะไม่รู้ว่ามันคือค่าอะไร และจ่ายไปทำไม เป็นต้น เราจึงควรดูให้ดีก่อนเซ็น ว่ากำหนดการถูกมั้ย จำนวนวันถูกมั้ย ราคาถูกต้อมั้ย และรายละเอียดอื่นเป็นไปตามที่เราได้ตกลงกันไว้หรือเปล่า และจึงค่อยลงมือเซ็น คะ

วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

5 คอนโดคุณภาพ ในปีที่ผ่านๆ มา

         เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาในยุคตลาดคอนโดที่เฟื่องฟูสุดๆ นี้ เราจะเห็นได้ว่ามีการเกิดใหม่ของคอนโดในเมืองมากมายไม่ว่าจะเป็นโครงการใหญ่หรือโครงการเล็กแทบจะเปิดกันทุกสัปดาห์เลยทีเดียว  และแต่ละโครงการก็ต่างงัดกลยุทธ์เพื่อที่จะเข้ามาแข่งขันในตลาดโดยการต่อสู้ฟาดฟันกัน  ทั้งดีไซน์  คอนเซ็ป  โปรโมชั่น  รวมถึง package ในทางตลาดต่างๆ ด้วย ที่ต่างขนกันมาสร้างอารมณ์ร่วมในการให้เราอยากซื้อขายจับจอง จนมาถึงในปัจจุบันปีนี้  เราจะเห็นได้ว่าคอนโดมิเนียมในหลายๆระดับ ราคาชลอตัวลง ทั้งในระดับราคาล่างๆ พวกคอนโดราคาประหยัดที่ปกติเราจะซื้อหาจับต้องง่าย  เพราะมีจำนวนดีมานด์ที่เยอะมาก,  หรือระดับราคากลางๆที่ขายให้กับพนักงานมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายที่ซื้อหาเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตที่เพิ่มมากขึ้น  ซึ่งปัจจัยนึงที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมเหล่านี้ชลอตัวลงนั้น ก็เนื่องจากสภาวะหนี้ครัวเรือนที่กำลังสูงขึ้นมาก  รวมถึงดีมานด์ความต้องการคอนโดที่เติบโตไม่ทันกับซัพพลายที่กำลังออกมาสู่ตลาดจนเริ่มจะล้นตลาดแล้วในบางพื้นที่  ทำให้ในปีนี้ตลาดระดับล่างและตลาดระดับกลางดูซบเซาลงไปมากพอควร (ยกเว้นแต่โครงการที่จะกล้าหาญไปบุกเบิกในทำเลที่ใหม่ๆ)  แต่ที่ดูแทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนักก็เป็นตลาดระดับบนที่ระดับราคาค่อนข้างสูงรวมไปจนถึงตลาดพรีเมียมราคาที่แพง ซึ่งก็มักจะเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่นั้นเอง

 ทางบล็อก รีวิวคอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณภาพสวยๆ จาก apthai.com


        แน่นอนว่าเมื่อตลาดของคอนโดต่างๆ เล่นกันยากมากขึ้น การที่เราจะตัดสินใจซื้อก็ยากมากขึ้นตามไปด้วย เลยเป็นเวลาที่ดีสำหรับเวลลอปเปอร์ต่างๆ ที่จะงัดกลยุทธ์มาต่อสู้กัน ที่ผ่านนั้นมาไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ คอนเซ็ป โปรโมชั่นต่างๆ ที่ได้เอามาแข่งขันกันนั้นมีมากมาย แต่ก็ไม่อยากให้ลืมปัจจัยที่สำคัญที่สุดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งนั้นก็คือ “คุณภาพคอนโด”นั่นเอง

        คุณภาพคอนโด นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่หลายคนมักจะถูกแพคเกจสวยหรูทางการตลาดหลอกล่อจนลืมนคำนึงถึงคุณภาพไป  ซึ่งจะต้องยอมรับว่าในเรื่องนี้ ดีเวลลอปเปอร์เจ้าใหญ่แทบจะทุกเจ้านั้นได้เปรียบกว่าเจ้าเล็กๆ มากทีเดียว  ลองนึกภาพดูว่าถ้าเราพูดถึงการจะรับรู้เชิงคุณภาพของเจ้าใหญ่ๆ กับดีเวลลอปเปอร์โนเนมก็แทบจะสู้กันไม่ได้แล้วละ  เช่น ถ้าเราพูดถึง  คุณภาพคอนโด APกับ คุณภาพคอนโดของ ABC (โนเนม นามสมมตินะค่ะ) ก็แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่ก็ต้องเชื่อใน คุณภาพคอนโด AP มากกว่าคอนโด ABC แน่นอน

จริงๆ แล้วนอกจากคอนโด AP แล้ว ก็ยังชื่นชมเจ้าใหญ่ๆ หลายเจ้าที่พยายามทำเรื่องนี้มาโดยตลอด  ทั้งสำเร็จบ้างหรือไม่สำเร็จบ้าง  ไม่ว่าจะเป็น Land & Houses ,Noble , Ananda , Sansiri,  Pruksa หรือแม้กะทั้งแบรนด์ขวัญใจเราๆ และตลาดราคาประหยัดอย่าง LPN ที่โด่งดังกับในคอนเซ็ปชุมชนน่าอยู่ บางโครงการก็ออกมาดีบ้าง บางโครงการฏ็อาจจะพลาดบ้าง ก็ต้องเรียนรู้กันไป ซึ่งในฐานะนักรีวิวแล้ว การที่เห็นดีเวลลอปเปอร์พัฒนาคอนโดทั้งหลายและลดจำนวนการเปิดโครงการลง  และหันมาให้ความใส่ใจกันในเรื่องคุณภาพของคอนโดมากขึ้น  ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยคะ คนซื้อก็ได้ของที่ใส่ใจในการทำมากขึ้นกว่าการขายคอนโดที่เพื่อจะเร่งปั๊มยอดตัวเลขทางการเงินเท่านั้น  แล้วพอคอนโดเสร็จออกมาไม่ดีจริง   

คุณภาพคอนโดที่ดีนั้นควรจะประกอบด้วยปัจจัยหลักๆ ดังนี้ 

1. คุณภาพคอนโดในเรื่องทำเลที่ตั้งในปัจจุบัน
2. คุณภาพคอนโดในเรื่องศักยภาพของทำเลในอนาคต รวมถึงความเจริญเติบโตของเมือง
3. คุณภาพคอนโดในเรื่องการออกแบบ
4. คุณภาพคอนโดในเรื่องวิวและมุมมอง
5. คุณภาพคอนโดในเรื่องการเข้าถึง
6. คุณภาพคอนโดในเรื่องความปลอดภัย
7. คุณภาพคอนโดในเรื่องการก่อสร้าง
8. คุณภาพคอนโดในเรื่องแบรนด์
9. คุณภาพคอนโดในเรื่องความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการ


โดยโดยเราจะมารีวิวคอนโด ในโครงการที่ผ่านมานั้นมีโครงการที่น่าสนใจ ถึง 5 แบรน์ด้วยกัน

1. คุณภาพคอนโด AP
ถ้าให้ลองเลือกหยิบคอนโด AP มา 1 โครงการที่เป็นตัวแทนที่มีคุณภาพคอนโด AP ขอเลือกเลือกเป็น คอนโด Rhythm รางน้ำ  เนื่องจากปัจจัยด้านคุณภาพของทำเลคอนโด ทั้งในปัจจุบันที่ใกล้กับกลางเมืองอย่างอนุสาวรีย์ชัย  และคุณภาพทำเลในอนาคตอันเนื่องจากที่ดินรอบๆเหลือน้อยมากๆ โอกาสที่จะมีการเกิดซัพพลายเกิดใหม่อีกยากมากๆ  และถ้ามีราคาก็จะยิ่งแพงมากด้วย   นอกจากนั้นแล้ว คอนโด AP โครงการ Rhythm รางน้ำ ก็ยังมีคุณภาพในเชิงการเข้าถึงจาก BTS อีกด้วย เพราะสามารถเดินทะลุศูนย์การค้า Century มาได้เลย  เหมาะกับคนที่กลับบ้านดึกๆ เวลาเดินจากรถไฟฟ้ากลับไปถึงคอนโดก็จะอุ่นใจมากยิ่งขึ้น ด้วยคุณภาพของคอนโด AP โครงการ Rhythm รางน้ำ ก็จะทำให้ขายหมดไปตั้งแต่วันแรกๆ ที่เปิดตัวเลย และทำกำไรให้นักลงทุนขาเก็งกำไรทั้งหลายได้พอควรเลยคะ

2. คอนโด Pruksa
คอนโดพฤกษานั้นจะเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่มีหลายทีมในการพัฒนาปัจจุบันมีอยู่ 6 SBU โดยจะทำทั้งหลากหลายระดับหลายราคา ตั้งแต่คอนโดราคาประหยัดในแบรนด์ พลัมคอนโด ไปจนถึงคอนโดในระดับราคากลางๆ ค่อนๆไปทางสูง  แต่ยังไม่ได้ไปจับตลาดแพงมากเท่าไรนัก  ถ้าให้จะเลือก 1 โครงการ จะเลือกคอนโด  Chapter One Midtown ซึ่ง sold-out ไปตั้งแต่เปิดตัวมาได้ไม่นานเช่นกัน  คุณภาพของคอนโดนี้ขอยกให้เรื่องของคุณภาพทำเลคอนโดดี ซึ่งจะติดถนนใหญ่ แยกรัชดา-ลาดพร้าว จะเป็นจุดที่เป็นต้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเหลือ ในอนาคตด้วย  ซึ่ง Chapter One Midtown ยังทำออกมาได้ในราคาน่าจับจองมากๆ  เนื่องจากพยายามดีไซน์ขนาดห้องให้มีขนาดเล็กลงและยังใช้ฟังก์ชั่นต่างๆได้อยู่  ราคารวมจึงจะเป็นจุดที่คนธรรมดาแบบมนุษย์เงินเดือนหลายคนยังจับต้องได้อยู่ครับ

3. คอนโด Sansiri
แสนสิริ นั้นได้มากับแบรนด์ The Line อย่างมา ซึ่งในการเปิดตัวไป 2 ทำเล ก็ขายหมดไปในวันเดียวทั้งคู่  ถ้าให้เลือกโครงการเดียว  ขอเลือกเป็นคอนโด The Line จตุจักร-หมอชิต เลย  เนื่องจากคุณภาพของวิวทิวทัศน์และมุมมอง ซึ่งในพื้นที่สีเขียวของสวนจตุจักรนั้นจะหาได้ยากมาในปัจจุบัน  และเรื่องของคุณภาพของทำเลในอนาคต  ในที่ระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆได้เริ่มงานก่อสร้างไปแล้วอย่างของรถไฟตรงบางซื่อ-จตุจักร  และในแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย หมอชิต – คูคต ก็เป็นส่วนส่งเสริมให้ในเรื่องของคุณภาพทำเลในอนาคตเช่นกันคะ

4. คอนโด Noble
โดยปกติแล้วโนเบิลในแต่ละปีจะเปิดคอนโดไม่เยอะมาก เช่นเปิดคอนโด Noble BE33 มา  ซึ่งต้องยกให้ในแง่ของทำเลเลย  เพราะซอยสุขุมวิท 33 นั้นใกล้กับกลางเมืองย่านช็อปปิ้งอย่าง Em District มากๆ ที่มีทั้ง Emporium , Em Quartier และโครงการที่กำลังจะเกิดในอนาคตตรงข้ามปากซอยสุขุมวิท 33 อย่าง Emsphere คะ สุขุมวิทฝั่งเลขคี่นั้นก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าที่นั้นเป็นตลาดสำหรับคนญี่ปุ่นเช่าและคนไทยที่มีฐานะก็อยู่กันเยอะมาก  ถ้าดู feedback จากการขายจะเห็นได้ว่า ห้องราคาใหญ่แพงๆ จะขายดีมาก  ที่ยังขายไม่หมดกลับเป็นห้องเล็กๆ ที่เอาไว้ทำราคาเปิดตัวให้ดูไม่สูงมากคะ  ซึ่งก็น่าจะสะท้อนให้เห็นว่าเป็นกลุ่มที่เป็น real demand คือกำลังซื้อสูงจริงๆอยู่เยอะทีเดียวคะ

5. คอนโด Ananda
คอนโดอนันดานั้น ขอเลือกเป็น โครงการ  Q Chidlom-Petchburi จริงๆทำเลโครงการนี้ในมุมมองของคนทั่วไปจะค่อนข้างด้อยกว่าคอนโดแนวเส้นสุขุมวิทอยู่พอสมควรทั้งในเรื่องการเดินทางโดยรถไฟฟ้า  แต่ก็จะชดเชยด้วยความใกล้แหล่งช็อปปิ้งอย่าง Central World แต่ที่ทำให้มันน่าสนใจคือ คุณภาพของงานดีไซน์คะ  ที่ทำออกมาได้ดีและเป็นเอกลักษณ์จริงๆ  โดยเฉพาะจะต้องให้คะแนนกับพื้นที่ส่วนกลางบนส่วนยอดของคอนโดเลยคะ  ที่จัดมาดูแพงสมราคามากๆ

ทางบล็อก ริวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า ขอขอบคุณเนื้อหาจาก hyusabuy.com/

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กฎหมายที่คนคิดจะต่อเติม ทาวน์เฮ้าส์ ควรรู้



กฎหมายต่อเติม ทาวน์เฮ้าส์


ใครๆ หลายคนที่ซื้อบ้านจัดสรร หรือทาวน์เฮ้าส์แล้วมักจะอยากต่อเติมเพราะต้องการที่จะมีพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ด้านหลังครัวของทาวน์เฮ้าส์นี่ถือว่าเป็นที่ยอดนิยมเลยก็ว่าได้ จริงๆ แล้วการต่อเติมพวกนี้จะมีกฎหมายควบคุมอยู่นะคะ ซึ่งบางคนอาจจะไม่ทราบ หรือมองข้ามมันไป วันนี้ เรามาจะดูกันคะว่า กฎพื้นฐานที่เราควรจะต้องรู้ในการต่อเติมพวกนี้นั้นมีอะไรกันบ้าง
ขอบคุณภาพาจาก http://anekonline.com/ 
เรามาดูกันก่อนว่าอย่างไหนที่จะเรียกได้ว่า "ต่อเติม" ? ซึ่งเวลาเราคุยกับช่าง หรือผู้รับเหมานั้น เรามักจะใช้ภาษาที่ง่ายๆ ว่า "ต่อเติมบ้าน" แต่ตามใน พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร จะใช้คำว่า "ดัดแปลง" ซึ่งจะกินความหมายกว้างกว่าต่อเติม และถ้าหากการต่อเติมของเราเข้าถึงเกณฑ์ของคำว่า "ดัดแปลง" ใน พ.ร.บ. นี้แล้ว เราก็จะต้องทำตามหลักเกณฑ์ที่ได้พูดถึงต่อจากนี้ ซึ่งคำว่า "ดัดแปลง" ตาม พ.ร.บ. นี้จะคือ "การเปลี่ยนแปลงต่อเติม เพิ่ม ลด หรือขยายซึ่งจะลักษณะขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก ในเนื้อที่ของโครงสร้างอาคารหรือส่วนต่างๆ ของอาคาร ที่ได้ก่อสร้างไว้แล้วให้ผิดไปจากเดิม" ดังนั้น การที่ต่อเติมที่หลายคนทำกัน คือการต่อเติมครัวที่อยู่ด้านหลังทาวน์เฮ้าส์ จึงถือว่าเป็นการดัดแปลงตามใน พ.ร.บ. ควบคุมอาคารเสมอคะ

ในการจะ ดัดแปลง หลักคือจะต้องขออนุญาตก่อน ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของเรื่องนี้เลยคือ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร (ตามมาตรา 21 และ 39 ทวิ) สรุปได้ว่าการดัดแปลงอาคารนั้นจะต้อง 
1. ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนเสมอ

2. ต้องแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นพร้อมกับยื่นแบบแปลน ชื่อของสถาปนิกและวิศวกรที่ออกแบบ หรือทำการควบคุมงานให้เจ้าพนักงานนั้นทราบ เว้นแต่จะเข้าข้อยกเว้นต่างๆ ซึ่งเราจะพูดถึงในหัวข้อต่อจากนี้ซึ่งคำว่า "อาคาร" นั้นจะรวมไปถึงบ้านจัดสรร ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ทั้งหมดเลยคะ

เราจะไปขออนุญาตจากใคร ? คำตอบคือเราต้องไปขอ หรือแจ้งเรื่องการ ดัดแปลงอาคาร กับเจ้าพนักงานท้องถิ่นที่ที่บ้าน หรือทาวน์เฮ้าส์ของเราตั้งอยู่คะ คือถ้าตั้งอยู่ในเขต กทม. ก็ให้ขอ หรือทำการแจ้งผู้ว่าราชการของกรุงเทพมหานครโดยเดินเรื่องผ่านทางสำนักงานเขต กทม. ที่อาคารของเราตั้งอยู่ หรือถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ให้ขอ หรือทำการแจ้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นๆ โดยเดินเรื่องผ่านองค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นเอง

จะมี 5 ข้อยกเว้นที่เราไม่ต้องขออนุญาต ในการต่อเติมบางเรื่องเป็นเรื่องของการซ่อมแซม หรืออาจเป็นเรื่องเล็กน้อย ซึ่งกฎหมายก็จะอนุโลมว่าไม่ต้องขอ หรือแจ้งเจ้าพนักงานคะ ซึ่ง 5 เรื่องที่เป็นข้อยกเว้นนั้น ที่จะสามารถทำได้เลยเป็นดังต่อไปนี้ (เป็นไปตามกฎกระทรวงฉบับที่ 11 พ.ศ. 2528)

1. ในการขยาย (หรือลด) เนื้อที่ของในพื้นชั้นใดชั้นหนึ่งรวมกันในขนาดไม่เกิน 5 ตร.ม. และไม่มีการเพิ่ม (หรือลด) จำนวนเสาหรือคานในอาคารนั้น

2. ในการขยาย (หรือลด) เนื้อที่ของหลังคาให้มีเนื้อที่มากขึ้นในขนาดรวมกันไม่เกิน 5 ตร.ม. และไม่มีการเพิ่ม (หรือลด) จำนวนเสาหรือคานในอาคารนั้น

3. ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอาคาร (เช่น เสา คาน ฐานราก) และโครงสร้างที่ไม่ใช่คอนกรีตเสริมเหล็ก หรือคอนกรีตอัดแรง หรือเหล็กโครงสร้างที่เป็นรูปพรรณ โดยในการเปลี่ยนแปลงนั้นใช้วัสดุ ขนาด จำนวน และชนิดเดียวกับของเดิมที่เป็นอยู่ ดังนั้น ถ้าโครงสร้างอาคารที่ของเราเปลี่ยนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือคอนกรีตอัดแรง หรือเหล็กโครงสร้างที่เป็นรูปพรรณ เราจะต้องขอ หรือแจ้งกับเจ้าพนักงานเสมอ แม้ขนาด จำนวน วัสดุ หรือชนิดเสา หรือคานที่เป็นโครงสร้างนั้นจะไม่เปลี่ยนก็ตาม

4. ในการเปลี่ยนส่วนใดๆ ก็ตาม ในอาคารที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร (เช่น ประตู ฝ้าเพดาน พื้น ผนัง) โดยเราใช้วัสดุชนิดเดียวกับของเดิม หรือวัสดุชนิดอื่นซึ่งก็ไม่เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับโครงสร้างของอาคารเดิมเกิน 10% ของน้ำหนักเดิมทั้งหมด (ซึ่งการในคำนวณกรณีแบบนี้ เราอาจจะต้องให้วิศวกรเข้ามาช่วย)  

5. ในการเปลี่ยน ต่อเติม เพิ่ม ลด หรือขยายซึ่งมีลักษณะ ขอบเขต แบบ รูปทรง สัดส่วน น้ำหนัก หรือในเนื้อที่ส่วนใดๆ ก็ตามภายในบ้านที่มันไม่ใช่ส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร (เช่น ประตู ฝ้าเพดาน พื้น ผนัง) และในการดำเนินการพวกนี้เราไม่ได้ไปเพิ่มน้ำหนักให้แก่โครงสร้างเกิน 10% ของโครงสร้างอาคารเดิมทั้งหมด (ซึ่งการในคำนวณกรณีแบบนี้ เราอาจจะต้องให้วิศวกรเข้ามาช่วย)

แต่ถ้าเราไม่ทำตาม จะเกิดอะไรขึ้นหรอ ? ถ้าการต่อเติมของเราต้องไปขออนุญาต หรือต้องไปแจ้งกับเจ้าพนักงาน แต่เรากลับไม่ทำ หรือเราได้รับอนุญาตในการดัดแปลงแล้ว แต่ในเวลาต่อเติมจริง เรากลับต่อเติมไม่เหมือนกับที่ได้รับอนุญาตไว้ หรือจากแบบแปลนที่เราได้ยื่นขอไป  เราอาจมีโทษดังนี้ครับ

โทษในการทำการผิดในการดัดแปลงอาคาร คือ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือจะปรับไม่เกิน 60,000 บาท (หรือทั้งจำทั้งปรับ) และยังมีการปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดในเวลาที่เรายังฝ่าฝืน หรือจนกว่าเราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง (เป็นไปตฟามมาตรา 31 และ 65 พรบ.ควบคุมอาคาร)

นอกจากนี้ ถ้าเพื่อนบ้านหลังติดกันกับเราและเราทำผิดกฎหมาย เพื่อนบ้านเราตามกฎหมายถือว่าเป็นผู้เสียหายได้ และมีการร้องเรียน หรือเจ้าพนักงานพบเจอว่าเรานั้นต่อเติมไม่ถูกต้อง หรือเราไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เจ้าพนักงานก็จะมีอำนาจออกคำสั่งให้เจ้าของบ้าน หรือช่างที่ก่อสร้างระงับการก่อสร้างได้ แต่ถ้าเป็นกรณีที่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ ก็จะะสั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาต หรือทำการแก้ไขให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนดได้ หรือถ้าจะเป็นกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้อีกแล้ว หรือผู้เป็นเจ้าของบ้านไม่ยอมแก้ไขตามคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ก็อาจจะโดนสั่งให้รื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมดได้ หรืออาจแค่บางส่วนภายในเวลาที่เจ้าหน้าที่กำหนดได้  (เป็นไปตามมาตรา 40, 41 และ 42 พรบ.ควบคุมอาคาร) แต่ถ้ายังดื้อไม่ทำตามคำสั่งเจ้าพนักงานเหล่านี้อีก เราก็จะมีโทษเพิ่มอีกคือจะจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท (หรือทั้งจำทั้งปรับ) และจะมีการปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 30,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังเราฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่เข้าหน้าที่สั่งฟ (ตามมาตรา 67 พรบ.ควบคุมอาคาร) 


>>>>>>>>-----เช่าคอนโด------<<<<<<<<

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คิดจะซื้อคอนโดราคาถูก ในต่างจังหวัด ควรอ่าน

รีวิวคอนโด : คิดจะซื้อคอนโดราคาถูก ในค่างจังหวัด ควรอ่าน


ในปัจจุบันนี้มีบริษัทหลายบริษัทต่างเร่งสร้างโครงการคอนโดกันมากมาย ทั้งแบรนด์ใหญ่ แบรนด์เล็ก จนเริ่มกลายเป็นกระแสนิยมคอนโดกันไปแล้ว โดยเนื้อหาในบทความนี้ ไม่ได้ต้องการจะ รีวิวคอนโด  และมิได้ต้องการจะบอกว่า การอยู่อาศัยในคอนโดนั้นดีหรือไม่ คุ้มค่าหรือไม่ แต่ต้องการจะเตือนสติผู้ที่กำลังคิดจะซื้อคอนโด โดยไม่ได้มีการตรวจสอบถึงความเหมาะสม และความพร้อมในด้านต่างๆ ก่อนที่จคิดนำเงินหลักล้านไปใช้จ่าย เราจึงควรต้องวิเคราะห์ พิจารณาการซื้อให้ถี่ถ้วนคะ วันนี้ฉันจึงขอรวบรวมสิ่งที่ผู้ซื้อต้องคิดก่อนซื้อมา 7 ข้อ เอาไว้ตัวช่วยในการตัดสินใจกัน


รีวิวคอนโด ติดรถไฟฟ้า บ้าวทาวน์เฮ้าส์ ขอขอบคุณภาพจาก newbangkokcondo.com


ข้อที่ 1. การเดินทาง
สิ่งที่ควรคิดเป็นสิ่งแรกๆคือ การเดินทาง ซึ่งถือเป็นจุดขายหลักของคอนโดเลยก็ว่าได้ เพราะคอนโดนั้จะให้ในเรื่องของความสะดวกในการเดินทางโดยเฉพราะ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" เนื่องด้วยการที่มีรถไฟฟ้า ช่วยลดความแออัดในการจารจรบนท้องถนน เป็นการช่วยให้การเดินทางเป็นอะไรที่ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่ในต่างจังหวัด "คอนโด" นั้นจะให้การเดินทางที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากกัน อาจจะสะดวกขึ้นบ้างก็เพียงแค่การที่ได้ขึ้นรถโดยสารใกล้ถนนใหญ่ แต่ในจังหวัดส่วนใหญ่นั้น รถโดยสารสาธารณะมักจะยังมีการพัฒนาที่ค่อนข้างน้อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นการใช้รถส่วนตัว จึงยังไม่ตรงคำตอบที่ให้ความสะดวก แต่จะให้ความสะดวกในด้านการเก็บจอด สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ ในบางคอนโดนั้นมีที่จอดรถให้เพียง 50% ของผู้อยู่อาศัย จึงเป็นโจทย์สำคัญที่ต้องนำมาพิจารณา ว่าหากการอยู่อาศัยคอนโดต่างจังหวัดนั้น เราก็ยังจำเป็นต้องใช้รถส่วนตัว ซึ่งจะมีผลด้านดีน้อยมาก

ข้อที่ 2. ความสะดวก
จากการสำรวจพื้นที่ของเราคอนโดบางแห่งนั้น มีการอยู่อาศัยที่แทบจะไม่ได้แตกต่างจากบ้านเดี่ยวเลย ทั้งร้านค้า สิ่งอำนวยความสะดวกก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ซึ่งทำเลคอนโดบางแห่งสร้างไว้ชานเมือง ก็จะไม่ได้มีร้านค้า ไม่มีห้างสรรพสินค้า ให้ได้ใช้กันอย่างใกล้ จึงยังจำเป็นต้องเดินทางออกไปหากิน

ข้อที่ 3. ความเสี่ยงจากคู่แข่ง
ในลักษณะคอนโดทำเลที่ดูํน่าซื้อ คือทำเลที่ไม่จะสามารถสร้างคอนโดได้อีก มีพื้นที่อย่างจำกัดในการก่อสร้าง หากเป็นเช่นนั้นแล้วคอนโดในพื้นที่นั้นจะสามารถทำกำไรได้สูง แต่ว่าคอนโดในต่างจังหวัดนั้น พื้นที่เมืองต่างๆ ก็ยังคงขยายตัวได้ง่าย อาจมีจะคอนโดผุดใหม่มาสร้างอยู่ใกล้ๆคอนโดที่เราเพิ่งซื้อไป หากเป็นเช่นนี้แล้ว จะเกิดผลกระทบกับคอนโดเก่าของเราเป็นอย่างมาก เพราะจะมีคู่แข่งมาเปรียบเทียบ กรณีที่เราปล่อยให้เช่า ผู้เช่าย่อมจะเลือกการอยู่อาศัยคอนโดใหม่ หรือหากไม่ได้เปรียบเทียบความเก่า กับความใหม่ สิ่งที่จะต้องนำมาพิจารณานั่นคือ เมื่อพื้นที่นี้มีคอนโดมาสร้างเพิ่ม ปริมาณห้องว่างก็จะเพิ่มขึ้นนับร้อยๆห้องพร้อมกัน กรณีที่เราปล่อยให้เช่า ก็จะจำเป็นต้องลดราคา เนื่องจากมีปริมาณห้องว่างสูงมาก แต่จำนวนผู้เช่าไม่ได้สูงตามมาก ส่งผลให้ขาดทุนในอนาคตได้

ข้อที่ 4. ความเสี่ยงจากคอนโดร้าง
ในกรณีคอนโดมีนันเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดนั้นจะค่อนข้างมีผลกระทบสูงมาก เนื่องจากผู้คนก็จะยังคงจดจำเหตุการณ์เหล่านั้นได้ดี จนไม่กล้าที่อยู่หรืออาศัยอาศัย ซึ่งในกรณีที่มีคนย้ายออก หากเป็นบ้านเดี่ยวก็จะค่อยๆ ทยอยย้ายออกที่ละหลัง โครงการนั้นก็จะไม่ร้างอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากเป็นคอนโด การที่อยู่อาศัยในรูปแบบใกล้ชิด ห้องข้างกันกัน ใช้พื้นที่ส่วนรวมร่วมกัน หากผู้อาศัยน้อยลงอย่างรวดเร็ว ก็จะมีอารมณ์หดหู่ อารมณ์วังเวงเกิดขึ้น จึงส่งผลให้คอนโดร้างได้เร็ว ในที่สุด แต่ถ้าหากเป็นพื้นที่ กทม. ค่อนข้างจะเจอสถานการณ์แบบนี้ได้ยาก เนื่องด้วยมีพื้นที่ที่ดินมีจำกัด ท้ายที่สุดก็ยังคงขายได้

ข้อที่ 5. ความคุ้มค่าในเงินลงทุน
ดูมูลค่าราคาคอนโดกับบ้านเดี่ยวในบริเวณใกล้เคียง จะเทียบได้จากภายในรัศมี 5 กิโลเมตร ในเขตต่างจังหวัดนั้นราคาก็จะไม่ได้ต่างกันมากนัก โดยเฉพาะเมื่อเราเทียบกับพื้นที่ใช้สอยที่เราได้มาแล้ว ความคุ้มค่าของบ้านเดี่ยวก็จะยังคงสูงกว่า เช่น ถ้าเป็นคอนโด มีพื้นที่ 30 ตร.ม. ราคา 2 ล้านบาท แต่ถ้าหากเป็นบ้านเดี่ยว มีพื้นที่ 200 ตารางเมตร ราคาอยู่ที่ประมาณ 4 – 5 ล้านบาท เมื่อเทียบสัดส่วนให้ดีแล้ว ราคาบ้านเดี่ยวก็จะถูกกว่า อีกทั้งในอนาคตอัตราส่วนของราคาบ้านเดี่ยว ก็จะยังคงสูงขึ้นอย่างรวดเร็วมากกว่าคอนโด เนื่องจากราคาที่ดินที่สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วนั่นเอง

ข้อที่ 6. ผังเมือง
ในหัวเมืองใหญ่ๆ ของต่างจังหวัดนั้น มีโอกาสขยายตัวหรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกมาก เมื่อใดที่มันมีการขยายตัว เมื่อนั้นทำเลก็ย่อมย่อมเปลี่ยนแปลง ซึ่งที่อยู่อาศัยแถบชานเมืองก็จะมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ข้อที่ 7. คอนโดเฟ้อ
ในยุคปัจจุบันคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัด จัดได้ว่ามีปริมาณที่ค่อนข้างมาก คำว่าค่อนข้างมากในที่นี้หมายถึงมากเกินกว่าที่ความต้องการของผู้ซื้อ โดยเฉพาะในปี 2557 ที่ผ่านมา หลายบริษัทนั้นได้พยายามสร้าจนต้องลล้ม จึงทำให้แวดวงอสังหาริมทรัพย์ ต่างคิดที่จะปรับลดปริมาณของโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยของประเภทคอนโดลงไป เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า คอนโดในต่างจังหวัดั้นได้เริ่มเกิดสภาวะล้นตลาดเสียแล้ว

อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมายว่า หากการที่เราจะซื้อคอนโดในต่างจังหวัดนั้น มันมีความเสี่ยงสูง แล้วเราจะมีตัวเลือกใดอีกบ้างที่พอทำให้คอนโดมีความเสี่ยงที่ลดลง คำตอบคือ เราคงต้องดูที่ปัจจัยของทำเลเป็นอย่างแรก ทำเลที่ค่อนข้างจะมีความมั่นคง และเป็นทำเลที่มีผู้คนอยู่อาศัยกันอย่างหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวสูง เช่น คอนโดที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับภูมิภาคนั้นๆ ใกล้แหล่งงานที่มีขนาดใหญ่ เป็นต้น แต่หากเป็นคอนโดในจังหวัดที่มีการท่องเที่ยว เช่น หัวหิน เชียงใหม่ พัทยา สิ่งจะที่สำคัญนั่นคือ วิวทิวทัศน์ ในห้องของคอนโด จำเป็นที่จะต้องมองเห็นวิวที่เปิดกว้าง ตัวอย่างเช่น หากเป็นคอนโดที่หัวหิน จำเป็นจะต้องเห็นวิวทะเล หากเป็นคอนโดที่เชียงใหม่ จำเป็นจะต้องเห็นวิวดอย โดยการเลือกคอนโดในแต่ละเมือง จึงค่อนข้างที่ละเอียดอ่อน ผู้ซื้อนั้นต้องมีความรอบคอบสูงจึงจะได้คอนโดที่ดี

อีกกรณีนึ่ง ที่เราสามารถซื้อคอนโดดังกล่าวได้ นั่นก็คือ กรณีที่เราซื้อไว้ให้เช่า โดยเราจะคิดคำนวณตามค่าเช่ารายเดือน เมื่อเราหักลบกับดอกแล้ว ยังสามารถทำกำไรได้อยู่ เท่ากับว่าการลงทุนของเราครั้งนี้ ไม่ได้ใช้เงินของตนเองลงทุน แต่เป็นการใช้เงินงวดที่ปล่อยให้เช่าจากผู้เช่ามาจ่ายเงินผ่อนให้ธนาคารนั้นเอง

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทุกวันนี้เราเสียภาษีอะไรบ้าง มาดูกัน

ทุกวันนี้เราเสียภาษีอะไรบ้าง มาดูกัน


ขอบคุณภาพจาก http://www.prosacc.com/


ภาษีเป็นสิ่งที่จะทำให้ประเทศขับเคลื่อน โดยทุกวันนี้เรานั้นก็เสียภาษีต่างๆ ทมากมาย บางคนอาจยังไม่รู้ว่าเราเสียภาษีอะไรบ้าง วันนี้ รีวิว คอนโดติดรถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าส์ จึงได้ไปหาข้อมูลต่างๆ เพื่อมาบอกทุกคนได้รู้กันว่า ตอนนี้เราได้เสียภาษีอยู่แทบจะทุกวันนั้นมีอะไรบ้างมาดูกันเลย


สิ่งที่ 1. การทำมาหากิน เราต้องเสียภาษีเงินได้

ไม่ว่าจะทำการประกอบอาชีพในนามนิติบุคคลหรือบุคคล ล้วนแล้วแต่ต้องเสีย ภาษีเงินได้ ทั้งหมด สำหรับคนที่ทำงานเป็นลูกจ้างทั่วไปนั้นจะจัดอยู่ในประเภทการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่หากมีรายได้เป็นเงินเกิน 50,000 บาท (ยังไม่สมรส) หรือมากกว่า 100,000 บาท (สมรสแล้ว)ในช่วงปีนั้นๆ จะต้องยื่นแบบ ภาษีฯ ไม่ว่าเราจะมีภาษีที่ต้องจ่ายชำระหรือไม่ก็ตามแต่ และสำหรับผู้ที่เสียภาษี มากกว่า 3,000 บาท สามารถขอแบ่งจ่ายชำระได้ โดยไม่เกิน 3 งวด และไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ แต่ถ้าหากเราลืมจ่ายภาษี จนเลยมันกำหนดการจ่ายแล้ว เราจะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของกำหนดการที่จะต้องจ่าย

สิ่งที่ 2. ถ้าเรามีรถขับ เราต้องเสียภาษีรถยนต์

ซึ่งจะเสียเป็นประจำทุกปี นั่นคือที่เหล่าผู้เป็นเจ้าของรถทุกๆประเภท จะดำเนินการที่ พรบ. และชำระภาษีรถยนต์ โดย พ.ร.บ. เหมือนเป็นการทำประกันภัยภาคบังคับให้เรา ที่จะคุ้มครองเราเมื่อประสบภัยจากรถ ทางกรมการขนส่งจะต้องใช้ประกอบการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี และอัตราภาษีรถยนต์นั้น จะต่างกันไปตามประเภทรถ เช่น จัดเก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี) จากรถยนต์ ,จัดเก็บเป็นรายคัน ,จัดเก็บตามน้ำหนักเป็นต้น

สิ่งที่ 3. การทานร้านอาหาร จะต้องเสียมูลค่าเพิ่ม หรืท หรือที่เรียกว่า VAT นั้นเอง จะอยู่ที่ 7%

บางคนคงพบเจอเหตุการณ์ในลักษณะนี้แล้ว รู้สึกตกใจ เพราะราคาอาหารมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากเราลืมคำนึงถึง vat 7% นั้นเอง โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax : VAT) ก็คือ ภาษีที่จัดเก็บจากมูลค่าของสินค้านั้นหรือบริการของแต่ละขั้นตอนในการผลิตการจำหน่ายของสินค้าหรือบริการนั้นเอง โดยผู้ประกอบกิจการเป็นผู้เรียกเก็บกับลูกค้า และจะนำภาษีมูลค่าเพิ่มไปชำระกรมสรรพากรเอง คือผู้บริการจะรับทำเองโดยจะลดภาระให้ผู้บริโภค นั้นเอง ซึ่งเป็นภาษีทางอ้อมที่คนไทยที่เป็นผู้บริโภคจำต้องจ่ายไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตามแต่

สิ่งที่ 4. ถ้ามีเงินฝากธนาคาร จะต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก

ในหลายๆคนอาจจะละเลยภาษีส่วนนี้ไป เพราะในปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยของเงินฝากจะค่อนข้างต่ำ (โดยออมทรัพย์จะอยู่ที่ 0.125%-1% ,ฝากประจำจะอยู่ที่ 0.8-2.5%) ซึ่งดอกเบี้ยต่อปีที่เราได้รับนั้นถ้าหากรวมกันทุกธนาคารแล้วไม่ถึง 20,000 บาทต่อปี เราจะอยู่ในข้อยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีได้ (ส่วนคนที่เกิน 20,000 บาท จะต้องถูกหักภาษี 15%) สำหรับคนที่ได้รับข้อยกเว้นดังกล่าวนั้นยังรวมไปถึงกรณีคนที่มีเงินฝากประจำ คนที่มีเงินฝากเผื่อเรียกธ.ออมสินและธกส. , คนที่มีเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์, คนที่มีเงินฝากประจำ 2ปีขึ้นไป ไม่เกิน 600,000 บาท และคนที่มีเงินฝากประจำมากกว่า 1ปี อายุ 55ปีขึ้นไป ที่ได้รับดอกเบี้ยไม่เกิน 30,000บาท เป็นต้น

สิ่งที่ 5. การลงทุนตลาดหุ้น ต้องเสียภาษีของเงินปันผลด้วย

ถึงแม้ว่ากำไรที่ได้จากการโอนหุ้นหรือการขายนั้นจะได้รับสิทธิยกเว้นโดยกฎหมาย แต่ถ้าหากสำหรับ เงินปันผลจะโดนหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ของเงินปันผลทั้งหมด แต่สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้ อยู่แล้วสามารถใช้สิทธิในการขอคืนภาษีได้ ที่เรียกว่า เครดิตภาษีเงินปันผลนั้นเอง ซึ่งเป็นการขอคืนเงินภาษีจากการที่เก็บซ่ำซ้อน เนื่องจากเงินปันผลนั้นเป็นเงินที่บริษัทจ่ายให้กับผู้ถือหุ้น เป็นเงินที่เป็นกำไรสุทธิที่เราได้หักจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลไปแล้ว เมื่อผู้ถือหุ้นได้รับเงินปันผลก้อนนั้น จะถือว่าเป็นเงินได้พึงประเมิน จะจำเป็นต้องนำมาคำนวณเพื่อจะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกครั้งนึ่ง จึงกลายเป็นว่าเรานั้นเสียภาษีซ้ำซ้อนจากกำไรก้อนเดียวกันนั้นเอง

สิ่งที่ 6. การหารายได้เสริม หรือขายสินค้าทางเน็ต ต้องเสียภาษีเงินได้ (ถ้าเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เราต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม)

อธิบายง่ายๆได้ว่า เมื่อไหร่ที่เรามีรายได้ ย่อมต้องเสียเพิ่ม ภาษีเงินได้นั้น กรณีขายที่เราในนามบุคคลจะเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ถ้าหากเป็นนามบริษัทจะเราจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่สำหรับผู้ขายสินค้าออนไลน์ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็จะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย ตือเราต้องไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และต้องบวก vat 7% เพิ่มกับราคาสินค้าที่ขายนั้นๆ ด้วย

สิ่งที่ 7. ผู้ที่ถูกรางวัลชิงโชค จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที (คือการเสียภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น)

เงินรางวัลสำหรับผู้โชคดีที่จะได้รับนั้น จะต้องถูกหักภาษีทันที่ ณ ที่จ่าย 5% ของมูลค่าสินค้าทั้งหมดหรือเงินรางวัลทั้งหมด และเมื่อครบปี (เดือนมีนาคม) เงินรางวัลเหล่านี้จะถูกรวมเข้ากับเงินที่ได้พึงประเมินอื่นๆ เพื่อจะนำไปคำนวณหาภาษีเงินได้ ต่อไป ทั้งนี้ภ้าหากผู้โชคดีรายนั้น มีผลรวมของเงินได้พึงประเมินรวมกับเงินรางวัล ยังไม่ถึง 150,000 บาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นภาษี โดยจะไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ดังนั้น ผู้โชคดีรายนั้นจะสามารถขอคืนภาษี 5% ที่ได้ถูกหัก ณ ตอนที่รับตอนแรก ดังกล่าวได้

สิ่งที่ 8. ขายบ้านขายคอนโด ขายอสังหาต่างๆ จะต้องเสียภาษีจากการขายอสังหา

เมื่อขายบ้านขาย "คอนโดติดรถไฟฟ้า" "คอนโดราคาถูก" ขายอสังหาต่างๆ จะต้องเสีย ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยจะพิจารณาจากราคาประเมินบวกกับจำนวนปีที่ถือครอง นอกจากนี้ยังมีค่าอากรแสตมป์ 0.5% ที่ผู้ขายจะต้องเสียในขั้นตอนที่จะจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ , ค่าธรรมเนียมในการโอนอีก 2% ในทุกๆครั้งที่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ และ หากกรณีผู้ขายครอบครองอสังหาริมทรัพย์น้อยกว่า 5 ปี ก็จะต้องเสีย ภาษีธุรกิจเฉพาะอีก 3.3% จากราคาประเมินหรือราคาตลาดที่สูงกว่านั้นเอง


บล็อก รีวิว คอนโดใกล้รถไฟฟ้า บ้านทาวน์เฮ้าส์ ของขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก terrabkk.com




วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2558

10 อย่างที่จะต้องจ่าย เมื่อซื้อคอนโดใหม่


สิ่งที่จะต้องจ่าย เมื่อซื้อ คอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดราคาถูก


ภาพและเนื้อหาจาก http://home.sanook.com/

         ในตอนนี้ การซื้อคอนโดนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็น คอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดราคาถูก หรือคอนโดต่างๆ ก็ง่ายขึ้นเพราะความต้องการหากำไรของเจ้าของโครงการจึงแทบจะทำทุกอย่าไว้รอเราเพื่อไปจ่ายเงิน เราจึงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก็สามารถเป็นเข้าของคอนโดได้ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เราต้องรู้ไว้ คือสิ่งที่เราต้องจ่ายในการซื้อคอนโดสักแห่ง นั้น มีดังนี้

         1. เงินจอง จ่ายครั้งเดียว เงินจองนั้นจะอยู่ที่ปะมาณหลักพัน หรือถ้าเป็นคอนโดแพงๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณหลักหมื่น ซึ่งแล้วแต่ละคอนโดนั้นเอง

         2. เงินทำสัญญา จ่ายครั้งเดียว เมื่อเราได้จ่ายเงินจองเรียบร้อยแล้ว 7-14 วันต่อมา จะได้ทำ สัญญาซื้อขาย ซึ่งจะจ่ายอีกรอบหนึ่งและจะมากกว่าเงินที่จ่ายค่าจอง
3. เงินดาวน์ แบ่งจ่ายเป็นงวด ๆ ในปัจจุบัน ธนาคารแห่งชาติ ได้กำหนดให้ธนาคารพานิชย์ต่างๆ ปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโด ได้ในสัดส่วน LTV ไม่เกิน 90% ของทั้งหมด เพราะฉะนั้นเราจึงควร ดาวน์ขั้นต่ำ 10% เป็นอย่างน้อย โดยจะรวมต่าเงินจองและเงินทำสัญญาด้วย

         4. ค่าประเมินราคาห้องชุด จ่ายครั้งเดียว โดยจะทำการจ่ายในวันที่เราไปทำเรื่องยื่นกู้ให้ธนาคารที่เรากู้ โดยจะอยู่ที 2,000 - 3,000 บาท ต่อการประเมินหนึ่งครั้ง โดยถ้าเรายื่นกู้ไม่ผ่านก็ไม่ได้เงินคืน

         5. ค่าจดทะเบียนจำนอง จ่ายครั้งเดียว จ่ายในมูลค่า 1% ของที่จดจำนอง โดยจะทำการจ่าในวันที่โอนกรรมสิทธิ์ โดยจะไปชำระให้สำนักงานที่ดิน เพื่อเป็นการเอาคอนโดค้ำประกันหนี้ให้กับธนาคารนั้นเอง

         6. ค่าธรรมเนียมการโอน จ่ายครั้งเดียว  จ่ายในมูลค่ 2% ของราคาประเมินจากกรมที่ดิน  ซึ่งเราจะต้องไปจดทะเบียนกับสำนักงานที่ดิน และในส่วนหใหญ่ผู็ขายและผู็ซื้อจะออกกันคนละ 50% หรือจะแล้วแต่การตกลง

         7. เงินกองทุนสำรองส่วนกลาง จ่ายครั้งเดียว เงินกลองกลางที่จะต้องจ่ายเพื่อเป็น กองทุนสำรอง เพื่อจะได้ใช้บริหารระยะยาว ในการจัดการต่างๆ ซึ่งจะต่างกันออกไปตามราคาของห้องนั้นๆ 

         8. ค่าเบี้ยงประกันอัคคีภัย ส่วนใหญ่ตจะจ่ายเป็นปี แต่บางที่ก็ต่างออกไป ถ้าเราของกู้จากธนาคาร ธนาคารส่วนใหญ๋จะให้เราทำประกันอักคคีภัยห้องชุดมาด้วย โดยเราจะต้องเปนคนจ่ายเบี้ยประกันแต่ธนาคารจะเป็นคนรับผลประโยชน์ ถ้าเกิดเหตุอัคคีภัย ประกันจะทำการจ่ายให้ธนาคารเพื่อไปตัดหนี้ที่เราค้างจ่ายอยู่
 
         9. ค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า - น้ำ จ่ายครั้งเดียว โดยโครงการจะจ่ายค่ามิเตอร์ต่างๆให้เราก่อนและมาเรียกเก็บทีหลัง โดยจะอยู่ที่ 2,000 - 4,000 บาท

         10. ค่าประกัยภัยอาคาร แล้วแต่ว่าแต่ละโครงการจะมีนโยบายในการจ่ายแบบใหน จะจ่ายตามราคาห้องของแต่ละห้องเช่นเดียวกัน


วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

5 อันดับ ทำเล "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ทำกำไร ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

5 อันดับ ทำเล "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ที่ทำกำไร



ขอบคุณเนื้อหาบ่างส่วน และ ภาพ จาก http://terrabkk.com/


              ในภาวะที่ราคาคอนโดติดรถไฟฟ้านั้นมีการปรับราคาสูงขึ้นเรื่อย และยังสูงมากกว่าทำเลอื่นๆ แล้วถ้ามองในแง่ของการลงทุนแล้ว การซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าคอนโดทั่วไป โดยถ้าทำการปล่อยเช่าอัตราผลตอบอยู่ที่ 5-7% ต่อปี และการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) สูงสุดถึง 12% ต่อปี TarraBKK Research ได้สำรวจการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) ของคอนโดติดรถไฟฟ้าพร้อมอยู่ภายใน 500 เมตร ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พบทำเลที่น่าสนใจซื้อเพื่ออยู่อาศัย และการลงทุน 5 อันดับ ดังนี้

อันดับที่ 1 ทำเลทองผลตอบแทนสูงสุด “บริเวณพหลโยธิน” ราคา Capital Gain มีเปอร์เซ็นการเพิ่มขึ้น 10-12 ต่อปี ส่วนผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าคอนโด (Yield) ที่ 5 – 6% เหตุผลที่ราคาปรับสูง เพราะว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้นไม่มีโครงการเปิดใหม่เลย แต่ในปีนี้มีโครงการเปิดใหม่โดยราคาสูงถึง 200,000 ตร.ม. จึงทำให้เร่งมูลค่าคอนโดติดรถไฟ้ฟ้าในพื้นที่ให้ปรับมูลค่าสูงขึ้นไปด้วย

อันดับที่ 2 ทำเลย่านธุรกิจ “ตากสิน-ธนบุรี” โดยมีการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) อยู่ที่ 9-10% ต่อปี ส่วนผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าคอนโด (Yield) ที่ 4-5% เหตุผลที่ราคาปรับสูง เพราะว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นมีโครงการที่เปิดใหม่ในทำเลนี้เกิดขึ้นทุกปีถึงปีละ 2-3 โครงการ และแต่ละโครงการก็ปรับราคาขายสูงขึ้น โดยในย่านนี้สามารถเดินทางไปสาทรได้ภายใน 5 สถานี แต่กลับมีราคาขายที่ต่ำกว่าเกือบเท่าตัว จึงทำให้ทำเลนี้เป็นทำเลยอดฮิตของคนฝั่งธนบุรีเป็นอย่างมาก

อันดับที่ 3 ทำเลที่ไม่เคยหลับใหล “สุขุมวิท” โดยการปรับขึ้นของราคาในพื้นที่นี้เพิ่มขึ้นทุกปีแม้ในภาวะเศรษฐกิจจตกต่ำมีการเพิ่มขึ้น และราคา (Capital Gain) 7-10% ต่อปี ส่วนผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่าคอนโด (Yield) อยู่ที่ 6-7% อาจเป็นเพราะเป็นพื่นที่ที่คึกคักในด้านต่างๆ มากมา จนมีคนต้องการพักอาศัยเยอะ แนะมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี 

อันดับที่ 4 ทำเลศูนย์กลางทางธุรกิจใหม่ (New CBD) คือ บริเวณรถไฟฟ้าใต้ดิน พระราม 9, เพชรบุรี โดยมีการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) อยู่ที่ 8-10% ต่อปี ส่วนผลตอบแทนที่ได้จากการปล่อยเช่าคอนโด (Yield) มากถึง 6% ทำเลนี้นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์จากที่ดินและจากทำเลที่อยู่อาศัยไปสู่การทำเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงานเกรด A และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ จึงทำให้เป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงที่จสามารถะดึงดูดทั้งชาวต่างชาติ และแหล่งงานใหม่ ทำให้มีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่ค่อนข้าง  โดยราคาขายเฉลี่ย 100,000 – 180,000 บ./ตร.ม. และค่าเช่า 15,000 – 30,000 บ./ด

อันดับที่ 5 ทำเลที่จะสามารถรองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ดี “สามย่าน” โดยมีการเพิ่มขึ้นของราคา (Capital Gain) มากถึง 9% ต่อปี ส่วนผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าคอนโด (Yield) ถึง 6% เนื่องจากในทำเลนี้มีพื้นที่ในการพัฒนาเป็นคอนโดแบบมีกรรมสิทธิ์ (Freehold) อยู่ไม่มากนัก พร้อมทั้งมีความเจริญที่กำลังก้าวเข้ามา ทำให้คอนโดที่อยู่ในบริเวณ MRT สามย่านนั้นมีราคาขายเฉลี่ย 100,000 – 210,000 บ./ตร.ม. ค่าเช่า 17,000 – 35,000 บ./ด



สำหรับผู้ที่คิดซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพื่อการลงทุน นั้นก็ลองตามอ่านนบทความก่อนหน้านี้ได้เลยนะคะ ขอบคุณมากคะ

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2558

คิดจะซื้อคอนโด ช่วงพรีเซลส์ ต้องอ่าน

ซื้อ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ช่วงพรีเซลส์ จะได้ใน "คอนโดราคาถูก"



ขอบคุณข้อมูลบ่างส่วน และภาพ จาก http://www.oknation.net/

การซื้อคอนโดจะดีที่สุด คือการซื้อคอนโดที่พร้อมอยู่ เพราะเราจะได้เห็นสภาพห้องจริงๆ ของคอนดดนั้นๆ และบริเวณรอบๆ หรือคอนโดคู่แข่งที่อาจพึ่งเกิดขึ้น ที่จะมาให้เลือกกันอย่างมาก แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่จะสูงกว่าคนที่ซื้อ ช่วงพรีเซลส์ และยังเกลือห้องให้เลือกไม่มากนัก เพราะคนที่ซื้อช่วงพรีเซลส์ ก็จะเลือกห้องในมุมที่สวยๆ ไปหมด เพราะฉะนั้นจะให้ดีควรซื้อในช่วงพรีเซลส์ เพราะได้ราคาที่ต่ำกว่าและยังได้เลือกห้องที่ต้องการอีกด้วย เช่นเราต้องการจะซื้อ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ให้ได้ในแบบที่เป็น "คอนโดราคาถูก" สิ่งที่จะทำให้มันเกิดขึ้นได้นั้นคือการซื้อในช่วงพรีเซลส์ เพราะถ้าซื้อแบบพร้อมอยู่จะแพงมากเนื่องจากมีคนต้องการเยอะทำให้ราคาพุ่งขึ้น 10%-30% เลย เพราะฉะนั้นการที่จะซื้อ "คอนโดติดรถไฟฟ้า" ให้ได้ในแบบที่เป็น "คอนโดราคาถูก" นั้นก็มีแต่การซื้อในช่วงพรีเซลส์เท่านั้น แต่ถ้าคอนโดที่เราจะซื้อไม่ได้อยู่ใกล้อะไรที่สำคัญ หรือเป็นเขตที่มีคนไม่มาก คู่แข่งเยอะ ก็แนะนำว่าให้ซื้อแบบพร้อมอยู่จะดีกว่า
แต่การที่จะซื้อคอนโดในซื้อในช่วงพรีเซลส์ นั้นก็มีความเสี่ยงในการซื้อคอนโดมากมายรอรับ วันนี้ จึงได้ไปหาข้อมูลให้สำหรับคนที่จะซื้อคอนโดในช่วงพรีเซลส์ ได้ซื้อกันแบบปลอดภัย

1. ใบอนุญาตก่อสร้าง 
โครงการนั้นต้องมีใบอนุญาตก่อสร้าง ถ้าไม่ไม่ควรเสี่ยงจองในซื้อในช่วงพรีเซลส์ เพพราะอาจทำให้โครงการเสร็จล่าช้ากว่าที่ตกลงหรืออาจก่อสร้างไม่เสร็จ

2. รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA
โครงการที่มีจำนวนห้อง 80 ยูนิตขึ้นไป หรือเขตก่อสร้าง 4,000 ตร.ม. ขึ้นไป  จะต้องมีใบรายงาน EIA เพราะถ้าการก่อสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการตรวจผลกระทบสิ่งแวดล้อม EIA จะไม่สามารถเข้าพักอาศัยได้ ซึ่งก็เคยมีหลายท ีที่เป็นแบบนั้นมาแล้ว กว่าจะตรวจผ่านก็ใช้เวลาเป็นปีปี กว่าจะสามารถอยู่ได้จริง ใบรายงานEIA จึงถือว่าสำคัญในการตรวจสอบก่อนจองในช่วงพรีเซลส์

3. โฉนดที่ดิน
การที่จะก่อสร้างในที่ดินหนึ่งๆ ได้นั้นต้องเป็นเจ้าของที่ดินนั้นๆ โดย โฉนด จะเป็นตัวบอกการเป็นเจ้าของ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้กับสำนักงานที่ดินที่โครงการนั้นตั้งอยู่

4. เขตที่ดิน
เป็นอีกสิ่งที่ควรตรวจสอบ เพราะถ้าขอบเขตของโครงการเราไม่ติดกับถนน สาธารณะแต่เป็นทางส่วนบุคคล จะต้องสอบถามโครงการว่าได้ทำการขอใช้ทางส่วนบุคคลนั้นเป็นทางเข้าออกของโครงการด้วยหรือไม่ เพื่อให้สะดวกในการเข้าออกคอนโดเมื่อสร้างเสร็จ

5. ชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบการ
โดยเราต้องแน่ใจว่าเจ้าของโครงการนั้นได้กรรมสิทธิ์ ในการก่อสร้างในที่ดินนั้นจริงหรือไม่ อาจเป็นนิติบุคคลหรือคนธรรมดาก็ได้ แต่ถ้าเป็นนิติบุคคลต้องดูว่าได้จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่ ทุนในการจดทะเบียนมีมูลค่าเทียบเท่ามูลค่าโครงการหรือไม่ โดยเรื่องเหลานี้สามารถตรวจสอบได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือกรมทะเบียนการค้า และก็ควรตรวจสอบประวัติผู้ประกอบการเช่นกัน ผลงานในอดีตเป็นยังไง ภาพพจน์ในวงการคอนโดเป็นยัง

ถ้าทำตาม 5ข้อนี้ ก็จะได้คอนโดที่ปลอดภัยอยู่ได้ แน่นอนคะ

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

หลักในการเลือกซื้อ คอนโด ที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างแน่นอน



ขอขอบคุณ เนื้อหาบางส่วน  และภาพ จาก http://www.home.co.th/


       ตอนนี้ธุรกิจคอนโดถือว่ามาแรง ไม่แพ้ธุระกิจอื่นๆ เลยก็ว่าได้ ดูจากการที่มีคอนโดเกิดขึ้นใหม่ เดือนๆนึงเกือบ 10 โครงการ ซึ่งมีมากกว่าจำนวนคนที่ต้องการจะอยู่ด้วยซ้ำ และอีกธุรกิจที่เกิดขึ้นคือ การซื้อคอนโดเพื่อปล่อยขายหรือเช่า ที่ถ้าเราจับจองได้ถูกที่ถูกเวลาละก็ ก็รวยแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย แต่ก็เช่นกัน ใครที่พลาดก็จะเจอกับหนี้ก้อนโต เพื่อหลีกหนี้ปัญหาขาดทุน วันนี้ผมจึงไปหาข้อมูลมาฝากกัน เพื่อนำไปปรับใช้ ในการเลือกซือคอนโดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้า คอนโดชานเมือง หรือคอนโดต่างๆ ให้สามารซื้อและได้กำไรแน่นอน โดยมีวิธีการดังนี้

1. ซื้อในช่วงที่คนส่วนมากคิดว่าอนาคตคอนโดจะแย่ลง โดยหลักการคิดนี้ไม่ต่างจากการหลักการซื้อหุ้นเลย คือการซื้อในตอนที่คนส่วนใหญ่คิดว่าจะไม่ลงทุนทำให้ราคาตก เราก็ซื้อมาและรอปล่อยในวันที่ราคาดีขึ้น

2. ในการปล่อยให้เช่า ค่าเช่ารายเดือนนั้นควรได้รับมากกว่ารายจ่ายที่เกียวเนื่องกับคอนโด เช่น เงินส่งธนาคาร ค่าภาษี และอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกัน จึงจะบอกได้ว่า ได้กำไร

3. มีราคาที่ถูกกว่าคอนโดในบริเวณนั้น ซึ่งถ้าเป็นคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วควรดูคอนโดหรืออพาตร์เม้นรอบๆ ว่าราคาเป็นแบบให้โดยคอนโดที่เราจะซื้อควรถูกกว่า เพราะจำทำให้นาสนใจกว่าในการทำกำไร

4. ห้องเช่าในพื้นที่ต้องมีคนอาศัยเต็มอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนมากที่สุด ไม่ควรให้เหลือห้องว่างเกิน 5% จากทั้งหมด

5. เศรฐกิจในพื้นที่ต้องมีแนวโน้มจะสุงขึ้น ซึ่งสามารถดูได้จาก ว่าในอนาคตจะเกิดการเดินทางใหม่ๆ มั้ย เช่น รถไฟฟ้าต่างๆ หรือถนนเส้นใหม่ แล้วควรดูด้วยว่าจะเกิด ย่านค้าขายขึ้นใหม่ในอนาคตมั้ย เช่น ห้างต่างๆ ตลาดใหญ่ๆ เป็นต้น

6. คอนโดควรมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ซำจำเจกับที่อื่น เช่น ด้านการออกแบบ วิวทิวทัศน์ การบริการต่างๆ ทำเล เป็นต้น

7. โอกาศที่จะเกิดที่พักอาศัยใหม่ๆ มีน้อย เช่นคอนโด อพาร์ตเม้นต์ โดยสามารถดูได้จาก จำนวนพื้นที่ที่สามารถก็สร้างได้ นั้นมีน้อย ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของราชการที่ห้ามก็สร้างหรืออาจเป็นสิ่งปลูกสร้างที่จะต้องใช้งานจึงไม่สามารถก่สร้างได้

8. ต้องเป็นโครงการคอนโดที่มีประสิทธิภาพ โดยดูจากโครงการที่ผ่านๆ มาว่า เคยมีการฟ้องร้องกันมั้ย หรือมีปัญหาหลังซื้อมั้ย ถ้าไม่มีถือว่าเป็นคอนโดที่น่าลงทุน

9. จำนวนผู้พักอาศัย ดูจากการที่คอนโดที่เราจะลงทุนนั้นมีผู้พักอาศัยจริงๆ เยอะแค่ใหน ยิ่งเยอะยิ่งดี และดูว่าเปป็นคนที่เช่าอยู่กี่เปอร์เซนต์ โดยถ้ามีผู้เช่าอยู่ต่ำกว่า 20% ถือว่าได้ แต่ถ้ากำกว่า 10% จะถือว่าดีเยี่ยม

ทั้งหมดก็เป็นหลักในการเลือกซื้อเพื่อลงทุน ซึ่งถ้าทำตามได้ทั้งหมดก็จะได้กำไร แต่ว่าก็ยังไม่ 100% เพราะถ้าคอนโดของคุณมีสิ่งเหล่านี้อยู่จะขาดทุนอย่าแน่นอน แม่ข้อเดียวก็ตาม

1. อัตราการจ้างงานมีแนวโน้มต่ำลงทุกๆ ปี

2. มีที่พักอาศัยเกิดขึ้นใหม่เป็นจำนวนมาก

3. ถ้าปล่อยให้เช่า รายจ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับคอนโดต่ำกว่าการปล่อยให้เช่าของคอนโดหรือ อพาร์ตเม้นต์ในบริเวณนั้น

4. คอนโดเกิน 30% เป็นของนักลงทุนและยังว่าอยู่่
ซึ่งถ้าเกิดหนึ่งใน 4 นี้ แสดงว่าจะขาดทุน ไม่ควรลงทุน

คอนโดราคาถูก http://home.sanook.com/1241/